ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า – จุดเด่นของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย
Phuong Anh -  
(VOVWORLD) -ตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี 1955 จนถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียยังคงมีการพัฒนาอย่างแข็งแกร่งในทุกด้าน โดยทั้งสองประเทศกำลังเป็นหุ้นส่วนสำคัญชั้นนำของกันภายในภูมิภาค รวมถึงมีก้าวกระโดดต่างๆ ในความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า ที่กลายเป็นจุดเด่นความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย
นาย เจิ่นมิงหุ่ง นายกสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-อินโดนีเซีย |
“การค้าทวิภาคีระหว่างเวียดนามและอินโดนีเซียได้มีการเติบโตเป็นอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบัน ในอาเซียน อินโดนีเซียเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของเวียดนาม ในขณะที่เวียดนามเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 4 ของอินโดนีเซีย มูลค่าการค้าต่างตอบแทนบรรลุ 1 หมื่น 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อช่วงปลายปี 2024 เพิ่มขึ้น 4 เท่าในรอบ 10 ปี ซึ่งในนั้น มูลค่าการส่งออกจากเวียดนามไปยังอินโดนีเซียอยู่ที่กว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่”
นี่เป็นตัวเลขสถิติที่น่าประทับใจที่นาย เจิ่นมิงหุ่ง นายกสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-อินโดนีเซีย กล่าวถึงในการประเมินเกี่ยวกับผลสำเร็จด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ-การค้าระหว่างสองประเทศในกรอบงานเสวนา “เวียดนาม-อินโดนีเซีย มุ่งหน้าสู่ปี 2045 – เสริมสร้างความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วน ขยายและกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพ” ที่มีขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปัจจุบัน เวียดนามเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลายรายการที่น่าเชื่อถือให้กับตลาดอินโดนีเซีย เช่น ข้าว กาแฟ อาหารทะเล สิ่งทอ โทรศัพท์มือถือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร เป็นต้น โดยมูลค่าการส่งออกของกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปยังอินโดนีเซียอยู่ที่ราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ด้วยอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 15-30 ในขณะเดียวกัน ทางผู้ประกอบการเวียดนามได้ให้ความสนใจและนำเข้าสินค้าต่างๆ ที่เป็นจุดแข็งของอินโดนีเซีย เช่น ถ่านหิน น้ำมันปาล์ม ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และรถยนต์ นาง ฟานถิเหยี่ยวลิง รองหัวหน้าฝ่ายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้-เอเชียใต้และความร่วมมือระดับภูมิภาค กรมพัฒนาตลาดต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนาม ได้ประเมินว่า
“สำหรับการบรรลุผลสำเร็จเชิงบวกในการเจริญเติบโตทางการค้าดังกล่าวนั้น นอกเหนือจากการกำชับและใส่ใจของบรรดาผู้นำระดับสูง ความร่วมมืออันใกล้ชิดระหว่างกระทรวง สำนักงาน หน่วยงาน องค์กร และสมาคมทุกหน่วย ความมุ่งมั่นตั้งใจและการมีส่วนร่วมในเชิงรุกของกลุ่มผู้ประกอบการ ต้องพูดถึงบทบาทที่สำคัญของกระแสการลงทุนไปยังต่างประเทศของกลุ่มสถานประกอบการทั้งของเวียดนามและอินโดนีเซีย”
นาง ฟานถิเหยี่ยวลิง รองหัวหน้าฝ่ายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้-เอเชียใต้และความร่วมมือระดับภูมิภาค กรมพัฒนาตลาดต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนาม |
จนถึงปี 2023 มีโครงการลงทุนจากอินโดนีเซียเข้าในเวียดนามกว่า 300 โครงการ ทุนจดทะเบียนรวมประมาณ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหลายบริษัทของอินโดนีเซียได้ประสบความสำเร็จในการลงทุนและประกอบธุรกิจในเวียดนาม เช่น Ciputra, Traveloka, Vietmindo Energitama, Japfa Comfeed Vietnam ขณะที่สถานประกอบการเวียดนามบางแห่ง เช่น Vingroup, FPT, Era Blue, Coteccons ได้ปรากฏตัวและสร้างชื่อเสียงในตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งชาวอินโดนีเซียได้เห็นรถยนต์แบรนด์ VinFast และใช้บริการแท็กซี่ไฟฟ้า Xanh SMกาแฟเวียดนาม หรือเครื่องใช้ต่างๆ ในครัวเรือนที่ซื้อจากเครือซูเปอร์มาร์เก็ต Mobile World Group ส่วนแบรนด์สินค้าหลายแบรนด์จากอินโดนีเซียก็เป็นที่รู้จักของลูกค้าชาวเวียดนาม เช่น บะหมี่กึ่งสําเร็จรูป Indomie โครงการอสังหาริมทรัพย์ Ciputra และแอพพลิเคชั่นท่องเที่ยว Traveloka
จากมุมมองของนักลงทุน หนึ่งในด้านที่มีศักยภาพมากที่สุดคือ โลจิสติกส์และการคมนาคมขนส่งสีเขียว ซึ่ง VinFast ถือเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด โดยบริษัทได้ประสบความสำเร็จในการนำเสนอรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น สร้างโรงงานผลิตรถยนต์ในหมู่บ้าน Subang พร้อมมีการเปิดโชว์รูม 20 แห่ง เปิดให้บริการแท็กซี่ไฟฟ้า Xanh SM และล่าสุดคือความร่วมมือกับ PT Penta Artha Impressiในการขยายเครือข่ายศูนย์บริการเพื่อยกระดับคุณภาพการบริการหลังการขาย พร้อมสนับสนุนให้ผู้ใช้เปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า นาย เหงวียนดิ่งเชี้ยน ผู้จัดการฝ่ายการลงทุน บริษัท Vinfast Trading & Production ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับศักยภาพในการบุกตลาดอินโดนีเซียด้านยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับ Vinfast และกลุ่มผู้ประกอบการเวียดนามรายอื่นๆ ว่า CTTP: ASEAN 28/4-4/5 CHIEN
“ศักยภาพด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศอินโดนีเซียยังมีอยู่อีกมาก เนื่องจากอัตราการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในอินโดนีเซียยังอยู่ที่เพียงร้อยละ 8 ซึ่งอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในกระบวนการปฏิวัติรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประชากรที่อยู่ในวัยทำงานมากถึงร้อยละ 68 โดยประชากรรุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีและพร้อมที่จะลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นจำนวนมาก อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูงและมั่นคง รวมถึงการสนับสนุนทางกฎหมายและการเงินจากภาครัฐในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างมีนัยยะสำคัญ”
เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม และประธานาธิบดีอินโดนีเซีย Prabowo Subianto |
ทั้งนี้ ในกรอบการเยือนประเทศอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม โตเลิม เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เวียดนามและอินโดนีเซียได้ยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน พร้อมตั้งเป้ามูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างสองประเทศที่ 1 หมื่น 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2028 พร้อมให้คำมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้กว้างลึกมากขึ้น ส่งเสริมกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามาในด้านที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เศรษฐกิจดิจิทัล และการพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญเพื่อให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียเจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้./.
Phuong Anh