ท้องถิ่น  นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง พร้อมภริยาและคณะผู้แทนระดับสูงของเวียดนามได้เดินทางถึงกรุงวอร์ซอ เริ่มการเยือนประเทศโปแลนด์อย่างเป็นทางการ (VGP)

กิจกรรมการต่างประเทศครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง มีบทบาทสำคัญในการยืนยันแนวทางการต่างประเทศที่อิสระ พึ่งตนเอง มีความสัมพันธ์หลายรูปแบบหลายฝ่าย เดินหน้าผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างเข้มแข็ง ครอบคลุม กว้างลึกและมีประสิทธิภาพของเวียดนาม

ส่งเสริมความร่วมมืออย่างกว้างลึกกับโปแลนด์ สาธารณรัฐเช็กและสวิตเซอร์แลนด์

จากมุมมองทวิภาคี การเยือนประเทศโปแลนด์ สาธารณรัฐเช็กและปฏิบัติภารกิจในสวิตเซอร์แลนด์เป็นโอกาสที่สำคัญเพื่อส่งเสริมความร่วมมือตามส่วนลึกระหว่างเวียดนามกับประเทศดังกล่าว ยุโรปกลาง ยุโรปตะวันออกและสหภาพยุโรป หรือ อียู ส่งเสริมบทบาทเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองประเทศโปแลนด์และสาธารณรัฐเช็กกับอาเซียน ขยายการประสานงานในการแก้ไขปัญหาในภูมิภาคและโลก มีส่วนร่วมต่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคและโลก

สำหรับการเยือนโปแลนด์และสาธารณรัฐเช็กได้มีขึ้นประจวบกับโอกาสรำลึกครบรอบ 75 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามกับทั้งสองประเทศนี้ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนและเพื่อนมิตรเก่าแก่ที่อยู่เคียงข้าง สนับสนุนและช่วยเหลือเวียดนามทั้งในภารกิจการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราช รวมประเทศเป็นเอกภาพและการพัฒนาประเทศในหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีการก่อสร้างกิจการต่างๆที่ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการช่วยเหลือของโปแลนด์และสาธารณรัฐเช็กต่อเวียดนาม เช่น โรงพยาบาลเวียดนาม-โปแลนด์ในจังหวัดเหงะอาน โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายเวียดนาม-โปแลนด์ในกรุงฮานอย โรงพยาบาลมิตรภาพเวียดนาม-เชโกสโลวาเกียและศูนย์วัฒนธรรมเด็กฮานอย เป็นต้น นาง เหงวียนมิงหั่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้เผยว่า

“ด้วยพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีงาม นายกรัฐมนตรีฝ่ามมิงชิ้งและผู้นำประเทศต่างๆจะประเมินผลสำเร็จของความร่วมมือในตลอด 75 ปี  วางแนวทางที่สำคัญเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การนำความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างเวียดนามกับประเทศโปแลนด์และสาธารณรัฐเช็กพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ อีกทั้งเห็นพ้องเกี่ยวกับมาตรการที่สำคัญเพื่อยกระดับแผนการร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ เปลี่ยนแปลงใหม่และสร้างก้าวกระโดดของความร่วมมือในด้านที่สำคัญและมีศักยภาพ”

สำหรับการปฏิบัติภารกิจทวิภาคีในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญอันดับต้นๆของเวียดนามในสมาคมการค้าเสรียุโรป หรือ EFTA จะมีส่วนร่วมเสริมสร้างความไว้วางใจทางการเมืองและกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เข้าสู่ส่วนลึก พัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ สอดคล้องกับจุดแข็งและตอบสนองผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการเงิน พัฒนาศูนย์กลางด้านการเงินระหว่างประเทศในเวียดนาม เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นต้น

เผยแพร่ความมุ่งมั่น ความคาดหวังและวิสัยทัศน์ของเวียดนามต่อประชาคมโลก

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เหงวียนมิงหั่ง (VGP)

จากมุมมองพหุภาคี คณะกรรมการ WEF และสถานประกอบการได้จับตามองการเข้าร่วมการประชุมดาวอสครั้งที่ 55 ของนายกรัฐมนตรีฝ่ามมิงชิ้ง ซึ่งเป็นกิจกรรมการต่างประเทศกิจกรรมแรกของเวียดนามในปีนี้ อีกทั้งเป็นโอกาสที่สำคัญเพื่อให้ประชาคมโลกและสถานประกอบการใหญ่ๆได้พบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีฝ่ามมิงชิ้งและผู้บริหารกระทรวง หน่วยงาน ท้องถิ่นและสถานประกอบการเวียดนามเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนา อุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆและโอกาสสำหรับสถานประกอบการในสภาวการณ์ที่สถานการณ์โลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อนในปัจจุบัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เหงวียนมิงหั่ง เผยต่อไปว่า

“ในการประชุมที่มีการเข้าร่วมของผู้นำประเทศต่างๆ องค์กรระหว่างประเทศและเครือบริษัทชั้นนำของโลกกว่า 3,000 คน นายกรัฐมนตรีฝ่ามมิงชิ้ง จะเผยแพร่สารที่สำคัญเกี่ยวกับความมุ่งมั่น ความคาดหวังและวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์ของเวียดนามในอีก 20 ปีข้างหน้า อีกทั้งเรียนรู้เพื่อพัฒนาตามแนวโน้มที่สำคัญของยุคสมัยและการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อจัดทำกลไก นโยบายและมาตรการเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสและลดผลกระทบจากแนวโน้มใหม่”

นายกรัฐมนตรีฝ่ามมิงชิ้ง จะเป็นประธานการประชุมเพื่อหารือถึงประเด็นเกี่ยวกับความต้องการพัฒนาประเทศในปัจจุบัน โดยเฉพาะการปฏิบัติมติที่ 57 ของกรมการเมืองพรรคเกี่ยวกับการสร้างก้าวกระโดดในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลระดับชาติ ซึ่งช่วยเปิดโอกาสความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับประเทศต่างๆและเครือบริษัทชั้นนำของโลกในด้าน AI นวัตกรรม เทคโนโลยีขั้นสูง การประยุกต์ใช้ AI ในการผลิต การพัฒนาศูนย์กลางด้านการเงินระหว่างประเทศในนครโฮจิมินห์ เป็นต้น

ทั้งนี้ จากการประชุม WEF ดาวอสครั้งที่ 55 เวียดนามจะยังคงยืนยันบทบาทเป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจ สมาชิกที่กระตือรือร้น มีความรับผิดชอบและมีศักยภาพของประชาคมโลกในยุคแห่งอัจฉริยะมุ่งสู่ความเจริญรุ่งเรืองและยั่งยืนในทั่วโลก.