75 ปีความสัมพันธ์เวียดนาม-จีน: ความร่วมมือที่ความครอบคลุม ลึกซึ้งและจริงจังมากขึ้น

(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 18 มกราคมปี 1950 จีนเป็นประเทศแรกในโลกที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันคือประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นี่เป็นนิมิตหมายที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ ภายหลัง 75 ปี ความสัมพันธ์เวียดนาม-จีนได้รับการขยายและเข้าสู่ส่วนลึกมากขึ้น และได้รับการยกระดับเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในทุกด้าน และ“ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันเวียดนาม-จีนที่มีความหมายเชิงยุทธศาสตร์”
75 ปีความสัมพันธ์เวียดนาม-จีน: ความร่วมมือที่ความครอบคลุม ลึกซึ้งและจริงจังมากขึ้น - ảnh 1(MOFA)

เวียดนามและจีนเป็นสองประเทศเพื่อนบ้านที่มีแนวชายแดนทั้งทางบก ทางน้ำและมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน พื้นฐานของมิตรภาพนี้ได้รับการพัฒนาและทำนุบำรุงโดยผู้นำของสองประเทศคือประธานประเทศจีน เหมาเจ๋อตุง และประธานโฮจิมินห์ ซึ่งสร้างความสัมพันธ์พิเศษของการเป็น “ทั้งสหายและพี่น้อง”  

มิตรภาพและความร่วมมือเป็นกระแสหลัก

ในตลอด 75 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ความสัมพันธ์เวียดนาม-จีนจะมีความผันผวนอย่างซับซ้อน แต่มิตรภาพและความร่วมมือยังคงเป็นกระแสหลัก กลายเป็นสมบัติอันล้ำค่าของประชาชนทั้งสองประเทศ มีส่วนร่วมธำรงแนวโน้มการพัฒนามิตรภาพที่มีมาช้านานเวียดนาม-จีนอย่างมั่นคงและนำผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมมาสู่ประชาชนทั้งสองประเทศ

ในการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชและการปลดปล่อยประชาชาติ เวียดนามได้รับการสนับสนุนและความช่วยเหลือจากจีนอยู่เสมอ พรรคและรัฐเวียดนามให้ความสำคัญและไม่เคยลืมเรื่องนี้ การฉลองครบรอบ 75 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตมีขึ้นประจวบกับช่วงเวลาที่เวียดนามเตรียมฉลองครบรอบ 95 ปีวันก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม 100 ปีประธานโฮจิมินห์ออกจากมอสโคว์ไปยังกวางโจวในฐานะตัวแทนของคอมมิวนิสต์สากลเพื่อเคลื่อนไหวปฏิวัติ นาย ฝ่ามซาวมาย อดีตเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศจีนเผยว่า

“นี่เป็นช่วงที่ประธานโฮจิมินห์และผู้นำการปฏิวัติเวียดนามได้รับการสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างจริงใจจากพรรคคอมมิวนิสต์และประชาชนจีน โดยเฉพาะในการก่อตั้งสมาคมเยาวชนปฏิวัติเวียดนาม Việt Nam Thanh niên cách mạng đồng chí Hội  ซึ่งเป็นองค์กรปฏิวัติที่เป็นต้นกำเนิดของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเมื่อเดือนมิถุนายนปี 1925 เวียดนามขอบคุณการช่วยเหลือที่ล้ำค่าของจีนต่อภารกิจการปลดปล่อยประชาชาติในอดีต และการสร้างสรรค์พัฒนาประเทศในปัจจุบัน”

ตั้งแต่ปี 1991 จนถึงปัจจุบัน ผู้นำของทั้งสองประเทศได้ธำรงการเยือนและการพบปะเป็นประจำ ทั้งสองประเทศยืนหยัดให้ความเคารพกัน ปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมกัน และร่วมกันรับมือปัญหาระดับภูมิภาคและความท้าทายระดับโลก

ในด้านเศรษฐกิจ มูลค่าการค้าทวิภาคีเติบโตทุกปี โดยเมื่อปี 2024 มูลค่าการนำเข้าและส่งออกระหว่างทั้งสองประเทศบรรลุ 2 แสน 5 พัน 2 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดและเพิ่มขึ้น 3 หมื่น 3 พัน 3 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปี 2023 ด้วยผลงานนี้ จีนได้กลายเป็นหุ้นส่วนการค้ารายแรกที่เวียดนามมีมูลค่าการค้าต่างตอบแทนบรรลุกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

การกำหนดแส้นแบ่งพรมแดนทางบกอย่างชัดเจนผ่านสนธิสัญญาและเอกสารทางกฎหมายที่เป็นรูปธรรมตั้งแต่ปี 2008 ได้สร้างเงื่อนไขที่มั่นคง ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัยทางสังคมในพื้นที่ชายแดน อำนวยความสะดวกให้แก่การแลกเปลี่ยนการค้าและการเดินทางระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ นาย บุ่ยแทงเซิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศยืนยันว่า

“การเสร็จสิ้นการปักปันปักหลักพรมแดนมีความหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ เปิดระยะใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในประวัติศาสตร์การสร้างแนวชายแดนระหว่างเวียดนามกับจีน ตอบสนองความต้องการของประชาชนทั้งสองประเทศ มีส่วนร่วมสร้างสรรค์และรักษาบรรยากาศที่สันติภาพและมั่นคงในภูมิภาคและโลก และมีส่วนร่วมที่สำคัญในการยืนยันหลักการร่วมของกฎหมายระหว่างประเทศ”

นับตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมปี 2024 ทั้งสองฝ่ายได้ปฏิบัติตามข้อตกลงความร่วมมือในการปกป้องและใช้ประโยชน์จากแหล่งท่องเที่ยวน้ำตกบ๋านยกในเวียดนามและน้ำตกเต๋อเทียน ประเทศจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการท่องเที่ยวของประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะเพื่อเสริมสร้างมิตรภาพที่แน่นแฟ้นมากขึ้นระหว่างประชาชนเวียดนามและจีน นาย หว่างซวนแอ๊ง รองเลขาธิการพรรคสาขาและประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดกาวบั่งแสดงความเห็นว่า

“เราคิดว่า ความสำเร็จที่สำคัญที่สุดคือการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายได้รับการกระชับให้แน่นแฟ้นมากขึ้น ทั้งสองฝ่ายประสานงานกันเพื่อประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้และ มิตรภาพระหว่างเวียดนามกับจีนบนเจตนารมณ์แห่งการสร้างสัญลักษณ์การท่องเที่ยวข้ามพรมแดน การท่องเที่ยวสีเขียวตามความเข้าใจร่วมและข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนาม”

เส้นทางใหม่และอนาคตร่วมกัน

ในสภาวการณ์ใหม่ การกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในทุกด้านและ “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันเวียดนาม-จีนที่มีความหมายเชิงยุทธศาสตร์” อย่างต่อเนื่องมีความหมายสำคัญมากขึ้นต่อทั้งสองประเทศ ในการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ระหว่างเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม กับประธานประเทศจีนและเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน สีจิ้นผิง เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ผู้นำทั้งสองท่านยังได้ย้ำถึงข้อความนี้ โดยเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ยืนยันว่า เวียดนามถือการพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนคือเนื้อหาที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆในนโยบายต่างประเทศอยู่เสมอ ส่วนเลขาธิการใหญ่พรรคและประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง ยืนยันว่า พรรคและรัฐจีนให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการพัฒนาความสัมพันธ์กับเวียดนามในนโยบายการทูตกับประเทศเพื่อนบ้าน

ผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องที่จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองพรรคและสองประเทศต่อไป โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนระดับสูงมีความหมายในการกำหนดแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ในความสัมพันธ์ทวิภาคีเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะการสร้างก้าวกระโดดใหม่ในความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยเน้นถึงด้านใหม่คือ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งถือเป็นเสาหลักที่สำคัญของความสัมพันธ์ทวิภาคีในสภาวการณ์ใหม่

จากแนวโน้มการพัฒนาในยุคสมัยด้วยโอกาสและความท้าทายมากมาย ความร่วมมือระหว่างจีนกับเวียดนามจึงมีศักยภาพอีกมาก มิตรภาพในตลอด 75 ปีที่ผ่านมาจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญและเป็นแรงผลักดันให้แก่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในเวลาข้างหน้า.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด