ในการประชุมเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน  นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งห์ได้ย้ำว่า การประชุมคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่ 11 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ยืนยันว่า “เศรษฐกิจภาคเอกชนเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจแห่งชาติ” ดังนั้นต้องมีการคิดที่ก้าวล้ำทั้งในด้านการรับรู้ วิธีการทำงาน ความเป็นผู้นำ เพื่อทำให้นโยบายนี้เป็นรูปธรรม ซึ่งกระทรวงและหน่วยงานต่างๆยังคงเน้นปฏิรูปด้านกลไกการทำงาน การลดขั้นตอนการบริหารและการลดค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบให้มากที่สุด เพื่อสร้างเงื่อนไขให้เศรษฐกิจภาคเอกชนสามารถพัฒนา พร้อมกันนี้ต้องส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นวัตกรรม การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงสีเขียวและธุรกิจที่ยั่งยืนในเศรษฐกิจภาคเอกชน การเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างวิสาหกิจเอกชน ระหว่างวิสาหกิจเอกชนกับรัฐวิสาหกิจและวิสาหกิจที่มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)

ส่วนในการประชุมเพื่อปฏิบัติแผนงานของคณะกรรมการชี้นำส่วนกลางเกี่ยวกับการสรุปมติที่ 18 เรื่องการควบรวมหน่วยบริหารราชการระดับจังหวัดและตำบล นายกรัฐมนตรี ได้เรียกร้องให้กระทรวงและสำนักงานต่างๆ ดำเนินการตามแผนของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิผลตามหน้าที่และภารกิจของตน ให้คำปรึกษาต่อปัญหาที่อยู่เกินขอบเขตอำนาจ และมุ่งมั่นดำเนินการให้ท้องถิ่นต่างๆปฏิบัติตามแนวทางที่วางไว้เพื่อเริ่มดำเนินการตามรูปแบบใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2025 เป็นต้นไป.