เปิดด่านชายแดนนานาชาติ เตินนาม ของเวียดนามและ Meun Chey ของกัมพูชา
(VOVWORLD) -เช้าวันที่ 8 ธันวาคม ได้มีการจัดพิธีเปิดด่านชายแดนนานาชาติ เตินนาม ของเวียดนามและ Meun Chey ของกัมพูชาภายใต้อำนวยการของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุนมาเนต ทางการของจังหวัดเตยนิงและจังหวัดไพรแวง
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กล่าวปราศรัยในพิธี |
การเปิดด่านชายแดนสองแห่งดังกล่าวเป็นการปฏิบัติวิสัยทัศน์แห่งการพัฒนาที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นพ้อง สร้างการเชื่อมโยงเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ อำนวยความสะดวกให้แก่การแลกเปลี่ยนทางการค้า การท่องเที่ยวของประชาชน สถานประกอบการทั้งสองประเทศ ในการนี้ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ชี้ชัดว่า“ชายแดนเวียดนาม-กัมพูชาไม่เพียงแต่เป็นเส้นแบ่งพรมแดนเท่านั้น หากยังเป็นสะพานเชื่อมแห่งการพบปะสังสรรค์มิตรภาพ ความร่วมมือในระยะยาว ยั่งยืนของจิตใจแห่งประเทศเพื่อนบ้านและน้ำใจที่ใกล้ชิดระหว่างสองประเทศ สองประชาชาติ การเปิดด่านชายแดนนานาชาติ เตินนาม ของเวียดนามและ Meun Chey จะสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่อให้ทั้งสองประเทศเสร็จสิ้นการปักปันและปักหลักพรมแดนร้อยละ 16 ที่เหลือ วิจัยการเปิดด่านชายแดนอื่นๆในเขตชายแดนทางบกระหว่างสองประเทศ มุ่งสู่การเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีต่อๆไป”
ส่วนนายกรัฐมนตรีกัมพูชาส่งเสริมให้กระทรวง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทางการจังหวัดไพรแวงของกัมพูชาและจังหวัดเตยนิงของเวียดนามหารือเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมและแผนการที่เป็นรูปธรรมเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การแลกเปลี่ยนทางการค้า การบริการ และการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะในด้านการเกษตร อุตสาหกรรม อุตสาหกรรมแปรรูป ป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้เข้าร่วมการเจรจาเพื่อประเมินผลความร่วมมือที่ได้บรรลุในเวลาที่ผ่านมา หารือมาตรการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีในเวลาที่จะถึง.
บ่ายวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมการพรรคประจำจังหวัดเตยนิงเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมในปี 2025 และแผนการพัฒนาในปี2026 โดยได้กล่าวย้ำว่าจังหวัดเตยนิงจำเป็นต้องเน้นการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุนและการประกอบธุรกิจอย่างจริงจัง เพื่อสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อผู้ประกอบการ ต้องให้ความสำคัญต่อทรัพยากรของรัฐ ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนหลัก กระตุ้นแหล่งเงินทุนทางสังคม ส่งเสริมการลงทุนในกัมพูชา และส่งเสริมการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นระหว่างสองประเทศ ตลอดจนต้องตระหนักถึงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และระบบนิเวศนวัตกรรม การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการส่งเสริมข้อได้เปรียบเมื่ออยู่ใกล้กับนครโฮจิมินห์เพื่อการพัฒนา.