เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ประชุมกับพรรคสาขาจังหวัดยาลายและจังหวัดบิ่งดิ่ง

ในการประชุม เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ย้ำว่า ในสภาวการณ์ที่เตรียมควบรวมจังหวัดยาลายและจังหวัดบิ่งดิ่งให้เป็นจังหวัดเดียวกันที่มีหน่วยงานราชการและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จังหวัดยาลายและจังหวัดบิ่งดิ่งต้องเป็นฝ่ายรุกในการสร้างวิสัยทัศน์การพัฒนาในระยะยาว กำหนดก้าวกระโดดเชิงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธรรมาภิบาล โครงสร้างพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และทรัพยากรมนุษย์ ส่งเสริมการสนับสนุนจุดแข็งของกันอย่างเต็มที่เพื่อให้เป็นเสาหลักการเติบโตที่สำคัญของภาคกลาง และมีส่วนร่วมนำประเทศพัฒนารุดหน้าอย่างเข้มแข็งในระยะใหม่

ตามความเห็นของเลขาธิการใหญ่พรรค จังหวัดยาลายใหม่ต้องเน้นสร้างรูปแบบการพัฒนาที่สมดุล มีความสามารถในการเชื่อมโยงระดับภูมิภาคและครอบคลุม โดยก่อนอื่น ต้องปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจตามแนวทางที่ยั่งยืน พัฒนาเกษตรนิเวศ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง พัฒนาพื้นที่วัตถุดิบขนาดใหญ่ ควบคู่กับการแปรรูปในเชิงลึก การผลิตที่สะอาด และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมอัจฉริยะ โดยให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมสีเขียว พลังงานหมุนเวียน ปัญญาประดิษฐ์ จัดตั้งเขตนวัตกรรมและเขตนิคมอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ เลขาธิการใหญ่พรรค ย้ำว่า

“หลังจากควบรวม ด้วยพื้นที่ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ยาลายต้องเป็นฝ่ายรุกในการค้ำประกันความมีเสถียรภาพทางการเมือง ความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคมและอธิปไตยในเขตชายแดน ทะเลและเกาะแก่ง ส่งเสริมเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลและพื้นที่ที่มีชนกลุ่มน้อยอาศัย.”

ในวันเดียวกันเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้เป็นประธานการประชุมกับคณะกรรมการพรรคสาขาจังหวัดกอนตูมและคณะกรรมการพรรคจังหวัดกว๋างหงายเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการปฏิบัติมติและข้อสรุปของคณะกรรมการกลางพรรคเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรการบริหารให้กระทัดรัด การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม การค้ำประกันการป้องกันประเทศและความมั่นคง การสร้างสรรค์องค์กรพรรค และงานด้านสวัสดิการสังคมในสองท้องถิ่นนี้ โดยเลขาธิการใหญ่พรรคย้ำว่า การวิจัย ยื่นข้อเสนอและการดำเนินการควบรวมจังหวัดกอนตุมและกว๋างหงายให้เป็นจังหวัดกว๋างงายใหม่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาคและของประเทศ เพื่อจัดตั้งหน่วยบริหารราชการใหม่ที่มีขนาดใหญ่มีศักยภาพและความสามารถในการสร้างก้าวกระโดดที่แข็งแกร่งเพื่อกลายเป็นเสาหลักการเติบโตที่สำคัญในพื้นที่ภาคกลาง-ที่ราบสูงเตเวียน สร้างแรงขับเคลื่อนให้กับทั้งภูมิภาคและทั้งประเทศ ซึ่งการสร้างวิสัยทัศน์การพัฒนาใหม่สำหรับท้อถิ่นหลังการควบรวมนั้นจำเป็นต้องปรับตำแหน่งใหม่ในภาพรวมการพัฒนาเชื่อมโยงภูมิภาค ในแนวระเบียงเศรษฐกิจยุทธศาสตร์ตะวันออก-ตะวันตกที่เชื่อมระหว่างที่ราบสูงเตยเงียน-ชายฝั่งภาคกลางตอนใต้ของลาว-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา-ประเทศไทย.