หมู่บ้าน ท้ายหาย ชุมชนแห่งความสุข
Vĩnh Phong+CTV -  
(VOVWORLD) -
หมู่บ้าน ท้ายหาย (Thái Hải) ซ่อนตัวกลางป่าเขาท้ายเงวียนที่เขียวร่มรื่น ขึ้นชื่อด้วยการเป็นหมู่บ้านแรกของเวียดนามที่ได้รับการรับรองเป็นหมู่บ้านบริการการท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลกเมื่อปี 2022 จากองค์การการท่องเที่ยวโลก (UNWTO) เป็นหมู่บ้านแห่งความสุขและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าประทับใจด้วยสัญลักษณ์ของความสามัคคีเพื่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมและพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
หมู่บ้านท้ายหายที่เขียวร่มรื่นและสงบสุข (ภาพจากหมู่บ้านท้ายหาย) |
แหล่งอนุรักษ์หมู่บ้านเรือนไม้ยกพื้นเชิงนิเวศ ท้ายหาย อยู่ในชุมชนหมีห่าว ตำบลดึ๊กถิง เมืองท้ายเงวียน มีพื้นที่ประมาณ 25 เฮกตาร์ ล้อมรอบด้วยป่าเขาเขียวที่อุดมสมบูรณ์ โดยมี 30 ครัวเรือนรวมประชากรกว่า 200 คนที่เป็นชนกลุ่มน้อยเผ่าไต หนุ่ง กาวลาน ซ้านจี๋ เป็นต้น โดยเมื่อ 20 ปีก่อนที่เขตฐานที่มั่น ATK ดิ๋งห์ฮว้า คุณเหงวียนถิแทงหาย ชาวเผ่าไตถือเป็นคนเเรกในชุมชนที่ตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่มีใครกล้าคิดมาก่อนคือ การจำนองทรัพย์สินทั้งหมดของเธอเพื่อซื้อบ้านไม้ใต้ถุนสูงโบราณจำนวน 30 หลังมาตั้งที่หมู่บ้าน หมีห่าว โดยใช้เวลาเกือบ 7 ปีที่ชาวบ้านต้องแบกเสา ขนกระเบื้อง นำส่วนต่างๆของบ้านไม้เหล่านี้ข้ามผ่านป่าเขาเป็นระยะทาง 60 กิโลเมตรเพื่อไปถึงเนินเขาที่รกร้างในหมู่บ้านหมีห่าว คุณ เลถิงา รองหัวหน้าหมู่บ้าน ท้ายหาย เผยว่า "เมื่อคุณแทงหายมาที่นี่ เธอก็ลงทุนซื้อพื้นที่รกร้างนี้แล้วปลูกป่าฟื้นฟูสภาพแวดล้อมสีเขียวแล้วนำบ้านไม้ยกพื้นโบราณมาตั้งที่นี่เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนเผ่าไตให้คงอยู่ยั่งยืน"
เมื่อปลายปี 2003 บ้านไม้ยกพื้นโบราณ 28 หลังได้สร้างเสร็จ โดยภาพบ้านไม้หลังคามุงจากด้วยโครงบ้านที่เป็นเสาไม้แข็งแรงตามหลักปรัชญาหยินหยางและธาตุทั้งห้าได้ช่วยฟื้นคืนชีพบนผืนแผ่นดินที่รกร้างในอดีต ซึ่งในช่วงปีแรกๆ ชีวิตที่นี่เต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่ทั้งหมู่บ้านต่างมุ่งมั่นสามัคคีกันและพยายามทำการผลิต ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ จนสร้างสรรค์หมู่บ้านท้ายหายที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง ทำให้ผืนดินที่รกร้างยากจนแห่งนี้กลายเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวต้นแบบที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
นักท่องเที่ยวชื่นชอบกิจกรรมต่างๆ |
ในหมู่บ้าน ท้ายหาย การพัฒนามีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมทางชาติพันธุ์ โดยคุณค่าทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ต่างได้รับการฟื้นฟูผ่านการปลูกบ้านยกพื้น การจัดวางสิ่งของและตกแต่งบ้านแบบดั้งเดิม มีโรงสีข้าว ครกตำข้าว เครื่องจักสาน และบ่อน้ำ ส่วนวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ถูกเผยแพร่สานต่อผ่านวิถีชีวิตของครอบครัว เด็กๆ ไปโรงเรียน เรียนรู้ภาษาพื้นเมือง ร้องเพลงพื้นบ้าน เล่นพิณติ๋ง เป็นต้น ขณะเดียวกัน ก็มีการบันทึกข้อมูลเรื่องอาหารและพิธีกรรมทางจิตวิญญาณต่างๆเพื่อสืบทอดสู่คนรุ่นต่อไป นอกจากนี้ในหมู่บ้านยังมีการสร้างและวางแผนพื้นที่อนุรักษ์ตามอาชีพดั้งเดิม เช่น โรงผลิตชาสำหรับปลูกและแปรรูปชาเขียว โรงผลิตยาสำหรับเก็บรักษาและจัดหาสมุนไพรสำหรับรักษาโรค โรงผลิตเหล้าหมักที่กลั่นตามวิธีการดั้งเดิมและจัดแสดงให้ผู้มาเยือนได้สัมผัส โรงผลิตขนมพื้นเมือง โรงจักรสานผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่และหวายสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันและของที่ระลึก เป็นต้น คุณ เลถิหาว ชาวบ้านท้ายหาย เล่าว่า "ฉันเป็นคนที่อื่นไม่รู้เรื่องการจักสานทอผ้า นับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ได้เรียนรู้วิธีการจักสานจากผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน เมื่อลูกหลานของดิฉันอยากเรียนรู้อาชีพนี้ ฉันก็สอนต่อให้พวกเขา เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ร่วมกัน และร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมของหมู่บ้าน"
องค์การท่องเที่ยวโลก (UNWTO) ได้มอบรางวัล “หมู่บ้านท่องเที่ยวที่ดีที่สุด” ให้แก่ ท้ายหาย |
เมื่อปี 2014 ท้ายหายได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของท้ายเหงวียน โดยชาวบ้านที่นี่ยังคงรักษาวิถีชีวิตการทำงานร่วมกันและมีความสุขร่วมกันซึ่งมีความแตกต่างไม่เหมือนการพัฒนาเชิงพาณิชย์ในหมู่บ้านอื่น ที่นี่รายได้ทั้งหมดมาจากการผลิต การเกษตร การท่องเที่ยวจะสมทบเข้ากองทุนส่วนกลางของหมู่บ้านและค่าใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่ค่าอาหารไปจนถึงค่าเล่าเรียนของเด็กๆ มาจากกองทุนของหมู่บ้าน คุณ เลถิงา รองหัวหน้าหมู่บ้าน กล่าวว่าเป้าหมายตั้งแต่แรกของหมู่บ้านคือการท่องเที่ยวไม่ใช่เพื่อการค้า หากเน้นเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิม นักท่องเที่ยวมาที่นี่เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้าน ไม่มีห้องพักหรูหราทันสมัย มีเพียงบ้านยกพื้น มีเมนูอาหารเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของผู้คน ในหมู่บ้านยังมีการจัดพื้นที่ที่เป็นไฮไลท์ต่างๆเพื่อเพิ่มประสบการณ์อีกมากมายให้แก่นักท่องเที่ยว เช่น สะพานเงินสะพานทอง บรรยากาศเทศกาลตรุษเต๊ตชนเผ่าไต บริการแช่เท้าสมุนไพรและการจัดงานเทศกาลดั้งเดิมอย่างเทศกาลโหล่งโต่ง เทศกาลขอบคุณ รวมถึงการแนะนำอาหารพื้นเมืองกว่า 100 รายการ ตั้งแต่เนื้อตุ๋น เนื้อควายย่าง ปลาตะเพียนต้มข้าวหมักเปรี้ยว ยำหัวปลีป่าและข้าวเหนียวห้าสี "คนรุ่นก่อนได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์หมู่บ้าน ดังนั้น คนรุ่นต่อไปต้องสานต่อภารกิจนี้ ต้องมีความรักและหวงแหนวัฒนธรรมและมรดกของชนเผ่าตน นอกจากนี้ เรายังต้องอบรมศึกษาความรู้ทางวัฒนธรรมเพื่อเผยแพร่สู่นักท่องเที่ยว เพื่อให้คนรุ่นต่อไปเป็นทูตการท่องเที่ยวเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น"
ทั้งนี้ บรรยากาศที่สงบสุขและความงดงามที่หล่อหลอมจากคุณค่าอันดีงามของผู้คน ของธรรมชาติ และวัฒนธรรมพื้นเมืองได้ช่วยให้ชุมชน ท้ายหาย กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปี 2022 องค์การท่องเที่ยวโลก (UNWTO) ได้มอบรางวัล “หมู่บ้านท่องเที่ยวที่ดีที่สุด” ให้แก่ ท้ายหาย ก็ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะทุกปีมีนักท่องเที่ยวจากกว่า 40 ประเทศทั่วโลกที่สนใจมาเยือนท้ายหาย./.
Vĩnh Phong+CTV