อุโมงค์ กู๋จี สิ่งมหัศจรรย์แห่งศิลปะการทหารที่เป็นเอกลักษณ์ของเวียดนาม
Vĩnh Phong+ CTV -  
(VOVWORLD) -
อุโมงแห่งนี้เปรียบเสมือนแบบจำลองย่อส่วนของแผนการสู้รบที่สร้างสรรค์ของกองทัพและประชาชนเมืองกู๋จีในช่วงสงครามต่อต้านอันยาวนานและดุเดือดเป็นเวลา 30 ปี เพื่อช่วงชิงเอกราชและอิสรภาพของชาติ
อุโมงค์ กู๋จี (Củ Chi) ถือเป็น “สิ่งมหัศจรรย์” ใต้ดินแห่งศิลปะการทหารในสงครามกองโจรเวียดนาม อยู่ในเขตอำเภอ กู๋จี ห่างจากตัวเมืองนครโฮจิมินห์ไปทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 70 กม. |
ระบบอุโมงค์กู๋จีถูกสร้างขึ้นในช่วงสงครามกู้ชาติประมาณปี 1948 โดยเริ่มขึ้นในพื้นที่สองตำบลคือ เตินฟู้จุงและเฟื้อกหวิงห์อาน และมีการตั้งชื่ออุโมงค์กู๋จีนับแต่นั้นเป็นต้นมา ระบบอุโมงค์กู๋จี มีความยาวรวม 250 กม. แบ่งเป็น 3 ชั้นใต้ดิน ชั้นที่ 1 อยู่ลึกลงไปจากพื้นดิน 3 เมตร ชั้นกลางอยู่ลึกจากพื้นดิน 6 เมตร และชั้นที่ลึกที่สุดอยู่ลึกจากพื้นดิน 12 เมตร และยังแบ่งออกเป็นหลายสาขาด้วยพื้นที่ใช้งานต่างๆ นาย เจืองวันกวี๊ ไกด์นำเที่ยวในเขตอุโมงค์กู๋จี กล่าวว่า"ในพื้นที่ใต้ดินมีการสร้างโครงสร้างต่างๆ ตั้งแต่ห้องประชุม ห้องครัว และห้องอาหารใต้ดิน บังเกอร์ทางการแพทย์ พื้นที่พักผ่อน และห้องประชุมใหญ่กองทัพทหารไซ่ง่อน-ยาดิ๋งห์"
ไม่มีใครคิดว่าโครงการที่เปรียบเป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งการทหารนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยเครื่องมือเรียบง่ายที่ชาวบ้านใช้ทั่วไปอย่างเช่น จอบและพลั่วที่ทำจากไม้ไผ่ โดยระบบอุโมงค์ที่รวมความยาวหลายร้อยกิโลเมตรนั้นวกวนคดเคี้ยวในใต้ดิน จากช่องอุโมงที่เป็น "แกนหลัก" ก็มีการแยกออกเป็นสาขาจำนวนนับไม่ถ้วนที่เชื่อมต่อถึงกันหรือแยกเป็นทางอิสระตามสภาพภูมิประเทศของพื้นที่และมีหลายเส้นที่ทะลุไปถึงแม่น้ำไซ่ง่อน เพื่อให้ในกรณีฉุกเฉินกองกำลังทหารสามารถถอยออกมาข้ามแม่น้ำไปยังพื้นที่ฐานทัพเบ้นก๊าต ในจังหวัดบิ่งห์เยือง ตลอดระยะทางเลียบตามแนวอุโมงค์มีช่องระบายอากาศด้านบนที่ได้รับการออกแบบให้เปิดสู่บนพื้นดินด้วยประตูซ่อนไว้อย่างมิดชิดมากมาย ประตูหลายช่องยังสร้างเป็นหลุมต่อสู้แบบซุ่มยิงซึ่งมีความสะดวกมากในการเฝ้าติดตามสถานการณ์และสกัดการโจมตี ส่วนพื้นที่โดยรอบทางเข้า-ออกอุโมงค์มีการจัดวางหลุมกับดัก หลุมตะปู กับระเบิด รวมถึงทุ่นระเบิดต่อต้านรถถังขนาดใหญ่และเครื่องยิงต่อต้านเฮลิคอปเตอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังศัตรูเข้ามาใกล้ ส่วนช่องฝาปิดทางลงอุโมงค์มีขนาดค่อนข้างเล็ก พอดีให้คนตัวเล็กๆสามารถลอดผ่านได้และได้รับการปกปิดซ่อนไว้อย่างมิดชิดยากที่จะสังเกตุเห็นได้ ปัจจุบันเพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยวช่องลงอุโมงค์จึงได้รับการขยายให้กว้างขึ้น "เราต้องถือฝาปิดช่องลงอุโมงค์อยู่เหนือศีรษะยืดตัวให้ตรงเพื่อไม่ร่างกายติด และสามารถลอดลงอุโมงค์ได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงสงครามนั้น เมื่อทหารลงไปในอุโมงค์พวกเขาจะวางระเบิดหรือทุ่นระเบิดไว้ใต้ฝาปิดช่องลงนั้นเผื่อว่าเมื่อศัตรูค้นพบตำแหน่งทางเข้าแล้วเปิดฝาออก จะโดนระเบิดและช่วยปิดช่องทางเข้าอุโมงค์นั้นทันที"
พันเอก เหงียน วัน เต่า มีนามแฝงคือ ตือ กาง ปีนี้อายุ 98 ปี |
แม้ว่าจะสร้างขึ้นในใต้ดิน แต่ระบบอุโมงค์ก็สามารถทนรับกระสุนปืนใหญ่ น้ำหนักของรถถัง รถหุ้มเกราะได้ดี อุโมงค์บางช่วงที่อยู่ลึกในใต้ดินสามารถทนต่อระเบิดขนาดเล็กได้ และตามแต่ละระยะก็มีการเตรียมพร้อมป้องกันไม่ให้ศัตรูบุกเข้าไปหรือพ่นสารเคมีเข้าอุโมง พันเอก เหงียน วัน เต่า มีนามแฝงคือ ตือ กาง ปีนี้อายุ 98 ปี วีรชนกองทัพประชาชน ซึ่งเคยเข้าร่วมสงครามต่อสู้ในเมืองกู๋จีเป็นเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี1962-1971 เคยกล่าวเมื่อครั้งกลับมาเยือนดินแดนแห่งนี้ว่า สำหรับเขา ทุกช่องทางทุกซอกมุมของอุโมงค์ล้วนสะท้อนจิตใจความรักชาติ ความฉลาด ความกล้าหาญ ความมุ่งมั่นฝ่าฟันความยากลำบากทั้งปวง ไม่ย่อท้อเมื่อเผชิญกับความยากลำบากและอันตรายเพื่อปกป้องประเทศและบ้านเกิดของกองทัพภาคใต้ของประชาชนเมืองกู๋จี ไซ่ง่อน-ยาดิ๋งห์ และเขาได้ถ่ายทอดความรู้สึกนี้ผ่านบทกวีเกี่ยวกับอุโมงค์กู๋จีที่เขาเขียนในปี1967 หรือ 5 ปีหลังจากร่วมการต่อสู้ครั้งแรกที่นี่ว่า"ผ่านไป 5 ปีแล้ว แต่มันยังตราตรึงอยู่ในใจ/ เป็นเวลา 5 ปีที่ทหารอเมริกันโจมตีจุด A18 ของเรา/ ด้วย B52 B57 ด้วยเรือรบ ด้วยเครื่องบิน ด้วยสารเคมี และแก๊สน้ำตา/ ต้นไม้ใบหญ้าตายหมด ก้อนหินและพื้นดินโล่งเปล่าแต่ผู้คนไม่หวั่นไหว/ อุโมงค์ลับนั้นยังคงเป็นฐานที่มั่นที่มั่นคงของเรา/ นั่นคือสิ่งที่ล้ำค่า งดงาม และต้องได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์/ ระบบอุโมงค์ในผืนแผ่นดินกู๋จี"
หนึ่งในช่องทางเข้าอุโมงค์ |
ปัจจุบันในระบบอุโมงค์กู๋จีที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมอุโมงค์ในพื้นที่ เบ๊นเยือก ซึ่งมีระบบอุโมงค์บังเกอร์ลับของผู้บัญชาการและผู้นำของเขตทหารไซ่ง่อน-เจาะเหลิน-ยาดิ๋งห์ ในช่วงสงครามต่อต้าน ทุกปีอุโมงค์กู๋จีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 1 ล้านคนและเมื่อปี 2015 อุโมงค์กู๋จีได้รับการรับรองเป็นแหล่งประวัติศาสตร์พิเศษแห่งชาติ และปัจจุบัน ทางนครโฮจิมินห์กำลังจัดทำเอกสารเพื่อยื่นต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก้ ให้พิจารณารับรองอุโมงค์กู๋จีเป็นมรดกโลกในปี 2027 นายเหงวียน มิงห์ เติม รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารแหล่งประวัติศาสตร์อุโมงค์กู๋จี กล่าวว่า
"หากอุโมงค์กู๋จีได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลก ก็จะเป็นโอกาสให้อุโมงค์แห่งนี้ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น เพื่อให้โลกได้รับรู้ถึงความกล้าหาญ ความฉลาดสร้างสรรค์ และความรักชาติของชาวเวียดนาม"./.
Vĩnh Phong+ CTV