(VOVWORLD) - การผสมผสานระหว่างดนตรีร่วมสมัยกับเอกลักษณ์วัฒนธรรมพื้นเมืองได้กลายเป็นผลงานใหม่ที่น่าจดจำในวงการเพลงเวียดนาม ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการสานต่อและยกย่องคุณค่าที่มีมาช้านานเท่านั้น หากยังเป็นกระแสแห่งความคิดสร้างสรรค์และการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างเข้มแข็งของวงการเพลงเวียดนามอีกด้วย โดยมีนักร้องและนักดนตรีหลายคนได้ประสบความสำเร็จ มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ความหลากหลายและความคึกคักในชีวิตทางดนตรีและนำวัฒนธรรมพื้นเมืองเผยแพร่ในยุคใหม่
|
นักร้อง หว่า มินซี และทีมได้สร้างปรากฏการณ์ในวงการดนตรีเวียดนาม (ภาพถ่ายจากหน้าจอ)
|
นับตั้งแต่ที่เปิดตัวเมื่อต้นเดือนมีนาคม MV “Bắc Bling” ที่ผลิตโดยนักร้อง หว่า มินซี (Hòa Minzy) ศิลปินอาวุโส ซวนฮิง (Xuân Hinh) และ rapper ต๊วนไคร (Tuấn Cry) ได้สร้างปรากฏการณ์ในวงการดนตรีเวียดนาม เอ็มวีนี้มีการใช้ลีลาที่ทันสมัยแต่ศิลปินทุกคนได้สอดแทรกเอกลักษณ์วัฒนธรรมพื้นเมืองเข้าไปช่วยให้ MV นี้สามารถเข้าถึงและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากแฟนเพลงทุกเพศทุกวัย เนื้อเพลง “Bắc Bling” ส่วนหนึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านและสุภาษิตของเวียดนาม ส่วนภาพถ่ายก็แนะนำเอกลักษณ์วัฒนธรรมพื้นเมืองต่างๆ เช่น ภาพพื้นเมือง ดงโห่ เทศกาลชักเย่อของหมู่บ้าน หิวเชิบ การแข่งมวยปล้ำ การร้องเพลงทำนองกวานเหาะลิม รวมทั้งประเพณีของคนเวียดนามโบราณ เช่น เคี้ยวหมากพลู การย้อมฟันดำ งาน “วิงกวีบ๊ายโต๋” และความเลื่อมใสบูชาเจ้าแม่ ตลอดจนสถานที่ที่มีชื่อเสียงต่างๆ ของจังหวัดบั๊กนิงห์ เช่น วัดเยา วิหารโด วิหาร บ่าชั้วคอ โรงละครร้องเพลงทำนองกวานเหาะบั๊กนิงห์และหมู่บ้านทำเครื่องเคลือบดินเผาฝู่หลาง …
MV “Bắc Bling” ไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมในเวียดนามเท่านั้น หากยังได้รับความสนใจจากสาธารณชนต่างประเทศจำนวนมาก โดยนอกจากได้ทำสถิติใหม่ๆ เช่น ยอดดูมากกว่า 63 ล้านครั้งหลังเปิดตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เป็นเพลงฮิตติดชาร์ตต่างๆ ในเวียดนาม ติดรายชื่อ 15 เพลงประจำสัปดาห์ที่ได้ฟังมากที่สุดในทั่วโลก และรายชื่อเพลงประจำสัปดาห์ยอดนิยมที่สุดในประเทศและภูมิภาคต่างๆ เช่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน – ประเทศจีน สาธารณรัฐเช็ก ญี่ปุ่น เยอรมนีและแคนาดา ในการประเมินเกี่ยวกับ MV นี้ นักดนตรี ย้างซอน เผยว่า
“MV “Bắc Bling” มีความพร้อมเพรียงทั้งในเนื้อเพลง การถ่ายทำ ชุดแต่งตัวและดนตรี ซึ่งล้วนสะท้อนความเป็นพื้นเมืองแต่มีลักษณะร่วมสมัย เป็น MV ที่ค่อนข้างเพอร์เฟกต์ ซึ่งสะท้อนความรักของชาวบั๊กนิงห์คนหนึ่งที่มีต่อถิ่นเกิด ช่วยให้ผู้ชมรับทราบเกี่ยวกับจังหวัดบั๊กนิงห์ที่เต็มไปด้วยสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และบุคคลที่มากความสามารถแล้วอยากมาเที่ยวบั๊กนิงห์มากขึ้น อันเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่ดีด้วย”
การผสมผสานระหว่างดนตรีพื้นเมืองกับลักษณะร่วมสมัยและศิลปินอาวุโสร้องเพลงร่วมกับนักร้องรุ่นใหม่ เป็นต้น ถือเป็นวิธีการที่ศิลปินหลายคนปฏิบัติในเวลาที่ผ่านมา
เมื่อกล่าวถึงนักร้องรุ่นใหม่ที่ประสบผลสำเร็จผ่านวิธีการนี้ต้องนึกถึงนักร้อง หว่างถิ่วลิงห์ นักร้อง ห่ามีโอ นักร้องหว่า มินซีและนักร้อง เฟืองหมีชี เป็นต้น โดยมีการผสมระหว่างดนตรีพื้นเมืองกับดนตรี pop, rap และ world music ซึ่งได้รับสัญญาณที่น่ายินดีจากสาธารณะชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่
“ฉันชอบเพลง “Đẩy xe bò” ของนักร้อง เฟืองหมีชี ซึ่งลีลาติดหูมาก โดยสามารถนำทั้งวัฒนธรรมพื้นเมืองเวียดนามและลักษณะร่วมสมัยสอดแทรกเข้าในเพลงได้ ฉันรู้สึกประทับใจมาก”
“การที่นักร้องและศิลปินสอดแทรกเอกลักษณ์ความเป็นพื้นเมืองเข้าในผลงานดนตรีเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความคิดและทักษะความสามารถด้านดนตรีของพวกเขาเท่านั้น หากยังดึงดูดผู้ชมมากขึ้น ฉันชอบเพลง “Bánh trôi nước” ของนักร้อง หว่างถิ่วลิงห์”
การใช้ลักษณะพื้นเมืองอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ได้ช่วยนำวัฒนธรรมพื้นเมืองก้าวรุดหน้าต่อไป โดยนับวันมีศิลปินปฏิบัติตามรูปแบบนี้เพื่อผลิตเวอร์ชั่นใหม่ที่น่าประทับใจต่อผู้ชมมากขึ้น
สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรี การผสมผสานนี้ของนักร้องรุ่นใหม่ถือเป็นแนวทางใหม่ช่วยให้วัยรุ่นเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับศิลปะพื้นเมือง สร้างเวอร์ชั่นใหม่และมีส่วนร่วมส่งเสริมอัตลักษณ์เวียดนามในผลงานดนตรีร่วมสมัย ดอกเตอร์ด้านดนตรี เหงวียนแค้งลี อาจารย์คณะการแสดงเสียง สถาบันดนตรีแห่งชาติเวียดนามกล่าวว่า
“การใช้วิธีการนี้อย่างฉลาดและมีการคัดเลือกไม่เพียงแต่ช่วยให้วงการเพลงเวียดนามมีความดีเลิศเท่านั้น หากยังช่วยให้ผู้ฟังผู้ชมเข้าใจเกี่ยวกับเอกลักษณ์วัฒนธรรมของประชาชาติเวียดนามอีกด้วย นั่นคือความคิดสร้างสรรค์และแนวคิดใหม่ของผู้ผลิต ช่วยประชาสัมพันธ์ความรักและความภาคภูมิใจต่อประชาชาติเวียดนามมากขึ้น”
สำหรับชาวเวียดนามแต่ละคน วัฒนธรรมพื้นเมืองมักจะเป็นความผูกพันอยู่เสมอ โดยนักร้องรุ่นใหม่หลายคนได้สอดแทรกลักษณะร่วมสมัยเข้าในผลงานพื้นเมือง ช่วยให้ผลงานเหล่านี้เข้าถึงผู้ชมทั้งภายในและต่างประเทศมากขึ้น ค่อยๆ สร้างสถานะของดนตรีเวียดนามบนตลาดโลก พร้อมทั้งเป็นการยืนยันถึงคุณค่าที่จะคงอยู่ตลอดกาลของเอกลักษณ์วัฒนธรรมเวียดนามอีกด้วย.