ความเสี่ยงที่การค้าโลกจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความตึงเครียดด้านภาษี

(VOVWORLD) -เมื่อวันที่ 16 เมษายน องค์การการค้าโลกหรือ WTO ได้ประกาศรายงานที่ประเมินว่า การค้าโลกในปีนี้จะลดลงอย่างหนัก พร้อมทั้งออกคำเตือนว่า ผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐอาจทำให้เศรษฐกิจโลกประสบภาวะถดถอยที่รุนแรงงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19

ความเสี่ยงที่การค้าโลกจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความตึงเครียดด้านภาษี - ảnh 1 นาย Ralph Ossa ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของ WTO (Photo: wto.org)

 รายงาน “ “Global Trade Outlook and Statistics” ของ WTO ได้พยากรณ์ว่า การค้าโลกจะหดตัวลง 0.2% จากเดิมที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่าจะขยายตัวถึง 3.0%  

การทรุดตัวลงอย่างรุนแรง

สาเหตุที่ทำให้ WTO มีการประเมินในแง่ร้ายคือนโยบายภาษีใหม่ของสหรัฐ โดยนับตั้งแต่เดือนก่อน ทางการสหรัฐได้ประกาศเก็บภาษีร้อยละ 10 ต่อสินค้าที่นำเข้าจากประเทศต่างๆและร้อยละ 25 ต่อเหล็ก อลูมิเนี่ยมและรถยนต์ ซึ่งสิ่งที่กังวลว่าก็คือ ยังมีความเสี่ยงที่สหรัฐยังคงเก็บภาษีต่างตอบแทนร้อยละ 10-39 ต่อสินค้าที่นำเข้าจากกว่า 180 เศรษฐกิจแม้ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ เลื่อนการเก็บภาษีออกไปเป็นเวลา 90 วันเพื่อทำการเจรจา โดยเฉพาะความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งเป็นสองเศรษฐกิจรายใหญ่ที่สุดของโลกกำลังรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากสองเศรษฐกิจนี้กำลังตอบโต้กันไปมาด้วยอัตราการเรียกเก็บภาษีในระดับสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน

 ในสภาวการณ์นี้ WTO ให้ข้อสังเกตุว่า ถ้าหากนาย โดนัลด์ ทรัมป์  ใช้มาตรการภาษีศุลกากรจะส่งผลให้การเติบโตของการค้าโลกลดลงราว 0.6 % และอาจลดลงอีก 0.8 %  เนื่องจากผลกระทบที่ขยายเป็นวงกว้างนอกเหนือไปจากการค้าที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐ  หรืออาจลดลงมากถึงร้อยละ1.5  ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020

 การหดตัวของการค้าโลกจะส่งผลกระทบไปถึงบริการด้านการค้า  โดย WTO พยากรณ์ว่า การขยายตัวของบริการด้านการค้าจะอยู่ที่ร้อยละ 4 ในปีนี้และร้อยละ 4.1 ในปี 2026 ซึ่งต่ำกว่าการพยากรณ์ก่อนหน้านั้นคือร้อยละ 5 .1 และร้อยละ 4.8 นาย Ralph Ossa ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของ WTO เผยว่า 

 แม้บริการด้านการค้าจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเพิ่มภาษีแต่การค้าโลกที่ลดลงจะส่งผลให้บริการขนส่งและกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ลดลงตามไปด้วย ในขณะที่ความไร้เสถียรภาพของเศรษฐกิจจะทำให้การท่องเที่ยวและบริการการลงทุนลดลง”

นาง เอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา  ผู้อำนวยการใหญ่ WTO เผยว่า สิ่งที่ WTO กลัวมากที่สุดคือการที่เศรษฐกิจสหรัฐและจีนกำลังจะแยกตัวออกจากกัน  เพราะถ้าหากเกิดขึ้น จีดีพีโลกอาจลดลงร้อยละ 7 ในระยะยาว เมื่อวันที่ 17 เมษายน สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch และ S&P ได้ประเมินว่า ถ้าหากไม่นับปี 2020 ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19  อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้อาจอยู่ที่ร้อยละ 2-2.2 ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 

ความวิตกกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

สำหรับสหรัฐ ซึ่งเป็นฝ่ายที่เริ่มสงครามด้านภาษี ความวิตกกังวลต่อเศรษฐกิจมีสัญญาณเพิ่มขึ้น เมื่อวันที่ 16 เมษายน ณ สมาคมเศรษฐกิจชิคาโก นาย  เจอร์โรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือ FED ได้กล่าวว่า 

“ทางการสหรัฐกำลังเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะด้านการค้า ซึ่งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้สหรัฐไม่สามารถปฏิบัติตามเป้าหมายที่วางไว้ อัตราคนว่างงานอาจเพิ่มขึ้นเพราะเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว และอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นถ้าหากมีการใช้อัตราภาษีต่างตอบแทน ในขณะที่ประชาชนจะได้รับผลกระทบในเรื่องรายได้”

ประธาน  FED เผยว่า ถ้าหากเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราคนว่างงานและอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นพร้อม ๆ กัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ FED ไม่เคยเผชิญในตลอด 50 ปีที่ผ่านมาและจะทำให้การบริหารของ  FED ประสบอุปสรรค  แต่ทาง    FED จะยังไม่มีการปรับปรุงนโยบายด้านการเงินในช่วงนี้ เพราะต้องประเมินสถานการณ์และผลกระทบของนโยบายภาษีที่มีต่อเศรษฐกิจ  ซึ่งนี่ถือเป็นคำเตือนสำคัญจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสหรัฐต่อนโยบายภาษีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนนาย David Russell ผู้อำนวยการยุทธศาสตร์ตลาดโลกของบริษัท TradeStation เผยว่า นี่ถือเป็นคำเตือนว่า  FED จะไม่ลดดอกเบี้ยตามคำเรียกร้องของทำเนียบขาว ซึ่งบรรดาผู้สังเกตการณ์เห็นว่า สถานการณ์ปัจจุบันอาจทำให้ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ระหว่างทางการของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กับ FED นับวันเลวร้ายลง.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด