(VOVWORLD) -วันที่ 10 ธันวาคมคือวันสิทธิมนุษยชนสากล ปัจจุบันนี้ การยกระดับกลไกการปกป้องสิทธิมนุษยชนในสภาพแวดล้อมดิจิทัลเป็นหนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆของเวียดนามในยุคใหม่และสอดคล้องกับ 1 ใน 8 ประเด็นที่ได้รับความสนใจของเวียดนามในวาระดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในช่วงปี 2026 -2028 โดยเน้นถึงการค้ำประกันสิทธิมนุษยชนในสภาวการณ์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล
ในเวียดนาม อัตราผู้ใช้อินเตอร์เน็ตอยู่ที่ร้อยละ 78.8 และจำนวนผู้ใช้โซเชียลมีเดียอยู่ที่กว่า 76.2 ล้านคน ดังนั้น การยกระดับกลไกการปกป้องสิทธิมนุษยชนในสภาพแวดล้อมดิจิทัล เป็นสิ่งที่จำเป็น เป็นการยืนยันสถานะเป็นฝ่ายรุกของประเทศในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชน
แนวทางการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
นับตั้งแต่ปี 1982 เวียดนามได้ให้สัตยาบันกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองหรือ ICCPR ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกสารขั้นพื้นฐานของกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งมาตราที่ 17 ของ ICCPR ระบุว่า “ ไม่ได้แทรกแซงความเป็นส่วนตัว ครอบครัว ที่อยู่อาศัยและจดหมายของคนอื่น ทุกคนมีสิทธิในการได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายและต่อต้านการแทรกแซงหรือละเมิด” ซึ่งการให้สัตยาบัน ICCPR เป็นการยืนยันถึงคำมั่นที่เข้มแข็งของเวียดนามในการให้ความเคารพสิทธิส่วนบุคคลตามมาตรฐานร่วม ข้อกำหนดต่างๆของรัฐธรรมนูญและกฎหมายพลเรือนของเวียดนามเป็นการแปรคำมั่นระหว่างประเทศให้เป็นกฎหมาย นอกจาก ICCPR แล้ว เวียดนามยังเป็นสมาชิกของอนุสัญญาฉบับอื่นๆ เช่น กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมหรือ ICESCR และ อนุสัญญาเกี่ยวกับสิทธิเด็กหรือ CRC กลไกด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โดยเฉพาะกลไกการตรวจสอบ UPR ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ผ่านการตรวจสอบต่างๆ เวียดนามได้รายงานเกี่ยวกับความพยายามด้านนิติบัญญัติและการปฏิบัติ รับข้อเสนอที่เกี่ยวข้องถึงการส่งเสริมการปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมทั้ง สิทธิส่วนบุคคลในยุคดิจิทัล
สำหรับด้านกฎหมาย เวียดนามได้มีก้าวเดินที่สำคัญในปี 2023 ผ่านการประกาศใช้มติที่ 13 เกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจุดเด่นที่สุดคือมาตราที่ 2 ข้อกำหนดที่ 4 ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า ข้อมูลไบโอเมตริกซ์ คือข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว ซึ่งช่วยให้ข้อกำหนดของเวียดนามเท่าเทียมกับมาตรฐานเกี่ยวกับการปกป้องสูงสุดอย่างเช่น GPPR ของอียูและกฎหมายความเป็นส่วนตัวของออสเตรเลีย นาย เหงวียนหายนิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเวียดนามได้เผยว่า
“เวียดนามได้พยายามปรับปรุงกรอบทางนิตินัยให้มีความสมบูรณ์ผ่านการแก้ไข เพิ่มเติมและประกาศใช้เอกสารทางกฎหมาย สร้างกรอบทางนิตินัยที่เข้มงวดและการลงโทษเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิพลเรือนในยุคดิจิทัลทั้งในระดับอาญา ปกครองและพลเรือน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิธีการเข้าถึงในทุกด้านของเวียดนามในการสร้างกรอบทางนิตินัยที่มั่นคงในสภาพแวดล้อมดิจิทัล ยืนยันความตั้งใจของเวียดนามในการค้ำประกันความปลอดภัย ความมั่นคงและการผลักดันการปกป้องสิทธิมนุษยชนในศักราชดิจิทัล”
การปรับตัวในยุคดิจิทัล
เวียดนามได้เปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในด้านต่างๆของชีวิต ธรรมาภิบาลภาครัฐ เศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข การบริการสาธารณะเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานใหม่บนพื้นฐานของข้อมูล และการเชื่อมโยงอัตโนมัติ ซึ่งสร้างทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่ให้แก่การปฏิบัติสิทธิมนุษยชน
บรรดาผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า การค้ำประกันสิทธิมนุษยชนในศักราชดิจิทัลเป็นทางเลือก ความต้องการเชิงภาวะวิสัย เป็นงานของหน่วยงานกฎหมาย เทคโนโลยี ความมั่นคงและการบริหารของรัฐ ต้องการการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ การเข้าร่วมของชมรมสถานประกอบการ องค์การสังคม นักวิชาการและประชาชน ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ เหงวียนซวนเอียน อดีตอธิการบดีสถาบันตำรวจประชาชนได้เผยว่า
“ปัจจุบัน เรามีคำนิยามใหม่ เช่น รัฐบาลดิจิทัล สังคมดิจิทัล เศรษฐกิจดิจิทัลและพลเมืองดิจิทัล ผมเห็นว่า ในการวิจัยร่วมเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ต้องค้ำประกันว่า พลเมืองทุกคนในโลกไซเบอร์จะได้รับการเคารพและปกป้องความลับ”
เพื่อปรับตัวเข้ากับยุคดิจิทัล เวียดนามกำลังปรับปรุงกรอบทางนิตินัยให้มีความสมบูรณ์ จัดทำกลไกเพื่อประเมินผลของสิทธิมนุษยชนในโครงการเทคโนโลยีใหญ่ โดยเฉพาะ โครงการรวบรวมข้อมูลในขอบเขตใหญ่ เวียดนามจะเสริมสร้างระบบนิเวศความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยเน้นฝึกอบรมแหล่งบุคลากร การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศและการปฏิบัติยุทธนาการประชาสัมพันธ์เพื่อยกระดับจิตสำนึกของชุมชน ผสานระหว่างการปกป้องสิทธิมนุษยชนกับการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ค้ำประกันการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆในชีวิต
การปกป้องสิทธิของมนุษย์ในยุคดิจิทัลคือแนวโน้มหลัก เป็นคำมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นตัวชี้วัดของความสามารถด้านธรรมาภิบาลแห่งชาติ เมื่อเทคโนโลยีพัฒนา การถือมนุษย์เป็นศูนย์กลางจะนำไปสู่ความสำเร็จของกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องที่สอดคล้องกับนโยบายของพรรคและรัฐ เป็นการแสดงให้เห็นถึงประเทศเวียดนามที่พัฒนา มีอารยธรรมและให้ความเคารพสิทธิมนุษยชน.