สารที่เข้มแข็งของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันแรกรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
Quang Dung- VOV5 -  
(VOVWORLD) -เมื่อวันที่ 20 มกราคม นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ ซึ่งในวันแรกของวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ นาย โดดัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งสารเกี่ยวกับภารกิจต่างๆรวมทั้งการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างเข้มแข็ง
ประธานาธิบดี โดดัลด์ ทรัมป์ กล่าวปราศรัยหลังพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 มกราคมปี 2025 (Photo: Reuters /TTXVN) |
พิธีสาบานตำรับตำแหน่งของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีขึ้นในเที่ยงของวันที่ 20 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่น ที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน นี่เป็นการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐวาระที่ 2 หลังวาระแรกในช่วงปี 2016-2020
ศักราชทองของประเทศสหรัฐ
ในบทปราศรัยแรกหลังพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเริ่มยุคทองของสหรัฐ โดยเผยว่า การที่ตัวเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่แล้วเป็นสิ่งที่ไม่กี่คนเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่ชัยชนะนี้ได้แสดงให้เห็นว่า สหรัฐเป็นประเทศแห่งความเป็นไปได้และ “สิ่งที่ชาวสหรัฐเก่งที่สุดคือทำสิ่งที่ไม่คาดคิด” ทางการชุดใหม่ของเขาจะยืนยันปฏิบัติสิ่งที่ไม่คาดคิดเพื่อยกระดับสถานะของสหรัฐบนเวทีโลก นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ยังเรียกร้องให้ชาวสหรัฐเชื่อมั่นว่า 4 ปีที่ตัวเขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจะเป็น 4 ปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
“ประเทศสหรัฐจะกลายเป็นประเทศที่เข้มแข็ง ขยายดินแดน พัฒนาประเทศ เพิ่มความหวังของประชาชนและพัฒนาสหรัฐให้รุ่งเรือง”
ในบทปราศรัยในพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยืนยันว่า เขาจะปฏิบัตินโยบายต่าง ๆ อย่างเคร่งครัดเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศสหรัฐ เช่น การส่งทหารไปปกป้องเขตชายแดนทิศใต้ เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายนับล้านคน การยึดคลองปานามา เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา พร้อมทั้งได้เผยว่า จะลงทุนพัฒนากองทัพสหรัฐ
เพื่อยืนยันคำประกาศของตน หลังพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามกฤษฎีกาเกือบ 100 ฉบับในด้านต่างๆ สิ่งที่น่าสนใจคือการถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงปารีสปี 2015 เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศซึ่งเหมือนที่เขาเคยทำในวาระก่อนและการถอนสหรัฐออกจากองค์การอนามัยโลก สำหรับปัญหาความมั่นคงในเขตชายแดนและการอพยพ นาย ทรัมป์ ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก สนับสนุนให้กองทัพสหรัฐเสร็จสิ้นการก่อสร้างกำแพงในเขตชายแดนและส่งทหารไปประจำการ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังลงนามกฤษฎีกายุติการให้สัญชาติอเมริกันแก่เด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่อพยพผิดกฏหมายในสหรัฐ
สำหรับภาษีศุลกากร นาย ทรัมป์ ได้ลงนามกฤษฎีกาเกี่ยวกับการเก็บภาษีร้อยละ 25 ต่อผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกและร้อยละ 10 ต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน นอกจากนี้ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐยังลงนามกฤษฎีกาที่อำนวยความสะดวกให้แก่การขุดเจาะปิโตรเลียม ยุติการให้สิทธิพิเศษต่อยานยนต์ไฟฟ้า ต่อเวลาการให้บริการของแอปฯติ๊กตอกในสหรัฐเพื่ออำนวยความสะดวกให้บริษัท ByteDance เจ้าของแอป ถอนการลงทุนจากแอปฯนี้
หลังพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามกฤษฎีกาเกือบ 100 ฉบับในด้านต่างๆ (Photo: Reuters) |
ผลกระทบที่ยากจะคาดเดา
บรรดาผู้สังเกตการณ์เผยว่า กฤษฎีกาต่างๆที่ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในวันแรกหลังขึ้นดำรงตำแหน่งจะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อนโยบายทั้งภายในและต่างประเทศและส่งผลกระทบต่อโลก การที่สหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลกถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสและผลักดันการขุดเจาะและใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจะส่งผลกระทบต่อการรับมือปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในโลก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้เข้าร่วมฟอรั่มเศรษฐกิจโลกหรือ WEF ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เผยว่า เมื่อสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีส มีความเป็นไปได้ที่หลายประเทศจะลดคำมั่นเกี่ยวกับการสมทบเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและขยายเวลาการปรับลดก๊าซคาร์บอน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลในสภาวการณ์ที่ประเทศต่างๆจะต้องเสนอการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด หรือ NDC โดยต้องระบุคำมั่นและกระบวนการปรับลดก๊าซเรือนกระจกต่อสหประชาชาติในต้นปีนี้ นาย Pranshu Singhal ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม ได้ให้ข้อสังเกตว่า
“ผมคิดว่า กำลังมีการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะด้านสภาพภูมิอากาศ ทุกคนกำลังตั้งคำถามต่อสิ่งที่เกิดขึ้นต่อสนธิสัญา นโยบายและข้อกำหนดต่างๆในอนาคต เราจะก้าวรุดหน้าได้ไหม นี่ถือเป็นคำถามสำคัญ”
บรรดาผู้นำประเทศและองค์การระหว่างประเทศก็มีท่าที่ที่ระมัดระวังต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐหลังนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยเฉพาะ การถอนชื่อสหรัฐออกจากองค์การระหว่างประเทศและกลไกพหุภาคีหรือการเพิ่มแรงกดดันด้านการค้าต่อหุ้นส่วนเศรษฐกิจต่างๆ.
Quang Dung- VOV5