(VOVWORLD) - การปลูกน้อยหน่าพันธุ์ไทยช่วยสร้างรายได้อยู่ที่ 7 ถึง 8 พันล้านด่องหรือราว 3 แสนดอลลาร์สหรัฐต่อปีให้แก่เกษตรกรหลายคนในเขตโอโมน นครเกิ่นเทอ ซึ่งหลังหักค่าใช้จ่ายเช่น ค่าปุ๋ย ยากําจัดวัชพืชและศัตรูพืช รวมถึงค่าแรงแล้ว ชาวบ้านที่นี่จะเหลือกำไรอยู่ที่กว่า 4 พันล้านด่อง โดยน้อยหน่าพันธุ์ไทยเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากลูกใหญ่และมีผลที่สวยงาม
รูปแบบการปลูกน้อยหน่าพันธุ์ไทยที่ให้มูลค่าเศรษฐกิจสูงในนครเกิ่นเทอ |
เรื่องราวการสร้างฐานะของนาย ฟานวันบิด อาศัยในแขวงลองฮึง เขตโอโมน นครเกิ่นเทอ เป็นเรื่องราวที่ชาวบ้านทุกคนต่างรู้จักกันดี โดยสวนน้อยหน่าพันธุ์ไทยของเขาให้ผลผลิตทุกปี สร้างกำไรกว่า 4 พันล้านด่องต่อปีและสร้างงานทำให้แก่คนงาน 7-8 คนด้วยเงินเดือนประมาณ 12-15 ล้านด่อง
นาย บิด เริ่มการปลูกน้อยหน่าพันธุ์ไทยตั้งแต่ปี 2015 จนถึงปัจจุบัน เขาได้ขยายพื้นที่เพาะปลูกจาก 1.7 เฮกตาร์มาเป็นเกือบ 10 เฮกตาร์ ซึ่งในนั้นมีพื้นที่ 7 เฮกตาร์ที่สามารถเก็บผลผลิตได้ นาย บิด เผยว่า น้อยหน่าพันธุ์ไทยเป็นผลไม้ที่ปลูกง่าย ไม่ค่อยเจอปัญหาศัตรูพืชหรือเรื่องดินปลูก ให้ผลผลิตสูงพร้อมสามารถเก็บผลผลิตได้ 2 รอบต่อปี ราคาขายเริ่มต้นที่ 30,000 ด่องต่อกิโลกรัมและบางช่วงอยู่ที่ 50,000 ถึง 60,000 ด่องต่อกิโลกรัม ซึ่งในปีนี้ ผลผลิตคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 200 ตัน โดยช่วงเวลาเก็บเกี่ยวจะเริ่มตั้งแต่หลังตรุษเต๊ตไปจนถึงปลายเดือนเมษายน
“ผมมีพื้นที่ปลูกอยู่ที่ประมาณ 90,000 ตารางเมตร ซึ่งในนั้นมี 70,000 ตารางเมตรที่สามารถเก็บผลผลิตได้ ผมคาดหวังว่า จะมีตลาดจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชาวบ้าน เมื่อปีที่แล้ว ผมเก็บผลผลิตได้ประมาณ 250 ตัน มีรายได้ประมาณ 7-8 พันล้านด่อง”
เพื่อให้การปลูกน้อยหน่าพันธุ์ไทยมีผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพ นาย ฟานวันบิด ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อขั้นตอนการดูแล โดยเฉพาะในช่วงออกดอก ซึ่งเป็นช่วงที่กำหนดผลผลิตของทั้งฤดูกาล โดยน้อยหน่าพันธุ์ไทยตั้งแต่ช่วงติดผลจนถึงช่วงเก็บเกี่ยว จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน แต่เมื่อปลูกได้ประมาณ 60 วัน จำเป็นต้องคลุมผลเพื่อให้รูปทรงสม่ำเสมอและดูสวยงาม เพื่อสามาถขายได้ราคาสูง นอกจากนี้ การใส่ปุ๋ยและพ่นยากําจัดศัตรูพืชก็ต้องทำถูกช่วงถึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด
นาย ฟานวันบิด อาศัยในแขวงลองฮึง เขตโอโมน นครเกิ่นเทอ |
นาย ฟานวันบิด บอกว่า น้อยหน่าลูกหนึ่งจะมีน้ำหนักเฉลี่ยนอยู่ที่ 500-700 กรัม ปัจจุบัน น้อยหน่าพันธุ์ไทยได้รับการจำหน่ายในตลาดภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น นาย บิด หวังว่า หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะให้การสนับสนุนในการสร้างแบรนด์สินค้าและขยายตลาด โดยเฉพาะการส่งออกไปยังตลาดจีนและญี่ปุ่น
“ในแขวงลองฮึง เขตโอโมน มีพื้นที่ปลูกน้อยหน่าพันธุ์ไทยหลายแห่ง โดยเกษตรกรได้ทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ซึ่งชาวบ้านต้องการตลาดเพื่อวางจำหน่ายในราคาขายที่ดีและมีเสถียรภาพ ตอนนี้ ผมหวังอยากสร้างแบรนด์น้อยหน่าพันธุ์ไทยลองฮึง”
สำหรับนาย เหงวียนแถ่งหาย อาศัยในตำบลเท้ยฮึง กำลังปลูกน้อยหน่าพันธุ์ไทยในพื้นที่ 4 เฮกตาร์ ซึ่งในอนาคตอันใกล้จะขยายรูปแบบนี้ขึ้นเป็น 5-7 เฮกตาร์ เขาบอกว่า รูปแบบดังกล่าวยังคงสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจดีกว่ารูปแบบการเพาะปลูกอื่นๆ ถึงแม้ต้องใช้ต้นทุนในการดูแลสูง
“น้อยหน้าพันธุ์ไทยสามารถสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสูง โดยพื้นที่ปลูก 1 เฮกตาร์ ให้ผลผลิตหลักสิบตัน ราคาขายตอนนี้อยู่ที่เกือบ 30,000 ด่องต่อกก. ซึ่งถือว่าได้กำไรเยอะพอสมควรและได้มากกว่าเกือบ 10 เท่าเมื่อเทียบกับการปลูกข้าว ปัจจุบัน ผมมีพื้นที่ปลูกยังไม่ใหญ่มากนัก แต่จะเพิ่มพื้นที่ขึ้นอีก 5-7 เฮกตาร์ ในปีหน้า ตอนนี้ สิ่งที่ต้องการคือ การมีผลผลิตสูงและการสร้างแบรนด์สินค้าเพื่อการส่งออก ซึ่งจะช่วยให้ผมและชาวบ้านพัฒนาการปลูกน้อยหน่าได้มากขึ้น”
ทั้งนี้ รูปแบบการปลูกน้อยหน่าพันธุ์ไทยได้สร้างประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจสูงให้แก่เกษตรกรในนครเกิ่นเทอ ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทางการจังหวัดได้ให้การสนับสนุนชาวบ้านในการขยายพื้นที่เพาะปลูก พร้อมการสร้างแบรนด์สินค้าและเข้าถึงช่องทางการจำหน่ายที่ทันสมัย รวมถึงการแสวงหาโอกาสการส่งออกสินค้าไปยังตลาดจีนและญี่ปุ่น เพื่อให้เกษตรกรนครเกิ่นเทอมั่นใจในการผลิตและพัฒนาการปลูกน้อยหน่าพันธุ์ไทย./.