ในการเจรจาหลังพิธีต้อนรับ ผู้นำทั้งสองท่านได้ประเมินว่า ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าระหว่างสองประเทศได้มีก้าวพัฒนาที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะเมื่อข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพเศรษฐกิจเอเชีย-ยุโรปหรือ EAEU มีผลบังคับใช้เมื่อปี 2016  มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างสองประเทศเมื่อปี 2024 อยู่ที่เกือบ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งยืนยันว่า ทั้งสองประเทศมีศักยภาพความร่วมมืออีกมาก  เห็นพ้องส่งเสริมความร่วมมือระหว่างท้องถิ่นต่างๆของทั้งสองประเทศเพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพของทั้งสองประเทศ มีส่วนร่วมต่อการขยายความร่วมมือระหว่างสองประเทศ สำหรับความร่วมมือในฟอรั่มระดับภูมิภาคและโลก ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะประสานงานและสนับสนุนกันในฟอรั่มรัฐสภาพหุภาคีต่างๆ เช่น สหภาพรัฐสภาโลก หรือ IPU สมัชชาใหญ่รัฐสภาประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ AIPA  เป็นต้น  ส่วนประธานสภาแห่งชาติ เจิ่นแทงเหมิน ได้เสนอให้อาร์เมเนียอำนวยความสะดวกให้แก่การพบปะสังสรรค์ การประชาสัมพันธ์คุณค่าวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ พิจารณาการจัดตั้งสมาคมมิตรภาพอาร์เมเนีย -เวียดนาม   เสนอให้อาร์เมเนียสนับสนุนจุดยืนของอาเซียนและเวียดนามเกี่ยวกับการแก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออกด้วยสันติวิธี บนพื้นฐานของกฎหมายสากล กฎบัตรสหประชาชาติและอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982  ส่วนประธานรัฐสภาอาร์เมเนียย้ำว่า อาร์เมเนียถือเวียดนามเป็นเพื่อน เป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจและการค้าชั้นนำในภูมิภาค พร้อมทั้งเผยว่า เวียดนามจะส่งคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุมครั้งที่ 17 รัฐภาคีกรอบอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพหรือ COP 17 ซึ่งอาร์เมเนียเป็นเจ้าภาพในปี 2026  หลังพิธี ผู้นำทั้งสองท่านได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างรัฐสภาทั้งสองประเทศ.