ร้านหนังสือมือสองของนายเหงวียนวันจ่วน

ด้วยความรักการอ่านหนังสือตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษา ถึงแม้เคยทำงานรับจ้างมาหลายที่เพื่อค่าแรงเพียงวันละ 50,000 ด่อง แต่นายจ่วน ก็ยอมอดข้าวกินเพื่อเก็บเงินไปซื้อหนังสือเก่าเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ขายในราคา 80,000 ด่อง สำหรับเขา การขายหนังสือก็เหมือนกำลังขาย “ความรู้”ดังนั้น เขาจึงให้ความใส่ใจกับร้านขายหนังสือมือสองของตัวเองอย่างมาก เพราะตระหนักได้ว่า การพัฒนาความรู้และมุมมองต่อชีวิตที่มากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเกิดขึ้นจากร้านหนังสือแห่งนี้ โดยนายจ่วน ได้เปิดร้านหนังสือเมื่อปี 2018 หลังจากขายหนังสือผ่านช่องทางออนไลน์มาระยะหนึ่ง

“ครอบครัวผมก็ไม่ต่างจากครอบครัวอื่น ๆ ที่คาดหวังว่าลูก ๆ เรียนจบแล้วจะมีงานทำที่มั่นคงเมื่อกันที่นี่ไม่ค่อยมีคนสนใจเรื่องการอ่านหนังสือดังนั้น ครอบครัวผมก็ไม่ค่อยให้การสนับสนุนเท่าไหร่ แต่พอเห็นความมุ่งมั่นของผมแล้ว ครอบครัวก็เปลี่ยนความคิด ปัจจุบัน ร้านของผมมี 2 สาขาที่ถนนบาเมือยท้างตือและถนนบาท้างฮาย”

จากหนังสือไม่กี่เล่มในช่วงยังเป็นนักศึกษา ถึงตอนนี้ หนุ่มชายชาวซ๊อกจังผู้นี้มีหนังสือเกือบ10,000 เล่มในถูกจัดเรียงรายอยู่ในร้าน ซึ่งในนั้นมีชุดหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมพจนานุกรม ยา และวรรณกรรมยุคก่อนปี 1975 ที่เป็นของ 'หายาก' และถือเป็นสมบัติที่ล้ำค่าสำหรับเขา

“ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่มักจะชอบอ่าน อีบุ๊ก หรือไถฟีด  โซเชียลมีเดีย แต่ยังมีกลุ่มคนไม่น้อยที่ยังคงชอบอ่านหนังสือที่ละหน้าแล้วนึกถึงความทรงจำเก่าๆ ซึ่งเป็นหนังสือปกแข็งที่สามารถให้อารมณ์ความรู้สึกแบบนั้นได้อย่างสมบูรณ์”

ในร้านเล็กๆ ที่มีหนังสือหลายเล่มที่คุ้นเคย เป็นความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ที่มายังร้านหนังสือมือสองของนายจ่วน แม้พื้นที่ข้างในไม่ได้กว้างมากนักแต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเรียบง่าย บนชั้นวางมีหนังสือมีหนังสือหลากหลายหัวเรื่องทั้งหนังสือที่เพิ่มพิมพ์ใหม่ ๆ ไปจนถึงหนังสือเก่าอายุเกือบ 50ปี ซึ่งทุกๆ วัน ที่ร้านจะให้การต้อนรับกลุ่มรักหนังสือและวัฒนธรรมการอ่านหนังสือเป็นประจำ

“ผมได้ติดตามแฟนเพ็จบนเฟ๊สบุ๊คและติ๊กตอกของร้านหนังสือ ผมเป็นนักศึกษาและหันมาอ่านหนังสือแบบเป็นเล่ม โดยเฉพาะวรรณกรรมต่างประเทศและนวนิยาย”

“เมื่อเดินเข้าร้าน ผมสามารถรู้ว่า หนังสือที่ผมอยากอ่านอยู่ที่หมวดหมู่ไหน เมื่ออ่านเสร็จก็นำไปเก็บไว้ที่เดิม เพื่อให้คนต้องการอ่านต่อสามารถหาได้ง่าย”

จากการเผชิญอุปสรรคต่างๆ เมื่อเริ่มต้นธุรกิจนายจ่วน ก็ค่อยๆ แก้ไขและปรับตัว ทั้งในเรื่องการหาพื้นที่ตั้งร้านที่เหมาะสมและการจัดเรียงหนังสือให้ดูลงตัว เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าท่ามกลางกระแสอีบุ๊คที่กำลังมาแรง ด้วยความหลงไหลและความใฝ่ฝันที่อยากเผยแพร่วัฒนธรรมการอ่านหนังสือ ช่วยให้เขายืนหยัดเส้นทางการสร้างธรุกิจนี้จนประสบความสำเร็จ ส่วนสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจหนังสือมือสองและอยากเริ่มต้นประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพเหมือน นายจ่วน ได้บอกว่า

“ต้องลงมือทำ ทำไปทีละก้าวตามกำลังที่มี ถ้าอยากขอคำปรึกษาก็ติดต่อผมได้ ผมยินดีให้ความช่วยเหลือ”

ท่ามกลางเทคโนโลยีดิจิทัล ร้านหนังสือมือสองในนครเกิ่นเทอนับวันมีลูกค้าน้อยลงเรื่อย ๆ ซึ่งส่งผลให้คนรุ่นใหม่ที่ต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านหนังสือน้อยลงด้วยเช่นกัน แต่ด้วยความคลั่งไคล้กับเส้นทางที่เลือกไว้ นายจ่วน ก็มุ่งมั่นตั้งใจจนสามารถเปิดร้านหนังสือมือสองได้ถึง 2 สาขา ซึ่งสำหรับอดีตนักศึกษาคณะครุศาสตร์ภาควิชาการสอนประวัติศาสตร์ ร้านหนังสือมือสองของเขาไม่เพียงแค่เป็นสถานที่ประกอบธุรกิจหรือช่วยกลุ่มนักศึกษาประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อหนังสือเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ให้เขาได้พบปะและพูดคุยกับคนที่ชอบการอ่านหนังสือเหมือนตัวเอง.