(VOVWORLD) - ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนเป็นต้นไป สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าพื้นฐานร้อยละ 10 สำหรับสินค้าทั้งหมดที่เข้าสู่สหรัฐ นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน อัตราภาษี “ต่างตอบแทน” จะสูงขึ้นจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 54 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ต่อกว่า 60 ประเทศ โดยเวียดนามถูกกำหนดอัตราภาษีที่ร้อยละ 46
 นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศนโยบายภาษีใหม่ (Reuters) |
ด้วยอัตราภาษีนี้ อุตสาหกรรมต่างๆของเวียดนาม เช่น เฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และสัตว์น้ำจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ปัจจุบัน กรมนำเข้าส่งออกของกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม และสมาคมอุตสาหกรรมได้ประชุมกันเพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนรับมืออย่างทันท่วงที บนเจตนารมณ์แห่งการให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการเจรจา ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เกิ๊นวันหลึก แสดงความเห็นว่า
“เราอาจได้รับผลกระทบแต่ไม่มากนัก เพราะปัจจุบัน ความต้องการสินค้าภายในประเทศของประชาชนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตได้ดี รายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นของประชาชนในการจับจ่ายใช้สอยก็เพิ่มสูงขึ้น”
ในขณะเดียวกัน ผู้นำของหลายประเทศได้มีปฏิกิริยาต่อนโยบายภาษีใหม่นี้ โดยนายกรัฐมนตรีแคนาดา มาร์ค คาร์นีย์ ได้ประกาศว่า จะตอบโต้มาตรการภาษีของสหรัฐเพื่อปกป้องแรงงานแคนาดา
 ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เกิ๊นวันหลึก |
ส่วนนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโทนี แอลบานีส เผยว่า มาตรการภาษีของนาย ทรัมป์ ไม่มีพื้นฐานที่สมเหตุสมผล ไม่ใช่สิ่งที่มิตรประเทศควรทำ เพิ่มความไร้เสถียรภาพต่อเศรษฐกิจโลกและเพิ่มรายจ่ายของครอบครัวชาวอเมริกัน ชาวอเมริกันจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีที่ไม่ยุติธรรมนี้
ภาษีที่สหรัฐเก็บต่อสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะรถยนต์ คาดว่าจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น 0.2% นอกจากนี้ จะส่งผลกระทบต่อแรงงาน การจ้างงานและสวัสดิการสังคม รัฐมนตรี ฮายาชิ โยชิมาสะ และปลัดสำนักงานคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นย้ำว่า
“รัฐบาลญี่ปุ่นได้วิเคราะห์เนื้อหาและผลกระทบของนโยบายภาษีของสหรัฐต่อญี่ปุ่นอย่างรอบคอบ อีกทั้งจะเรียกร้องให้ฝ่ายสหรัฐเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีในปัจจุบันต่อไป”
นายกรัฐมนตรีสเปน เปโดร ซานเชซ ได้ประกาศว่า จะตอบโต้อย่างเด็ดขาดและกล่าวว่า ยุโรปจะปกป้องตัวเอง ดำเนินการอย่างรวดเร็ว สมเหตุสมผลและสามัคคี ส่วนผู้นำประเทศยุโรปอื่นๆ เช่น สวีเดน อิตาลี ไอร์แลนด์และโปแลนด์ได้เผยว่า ไม่ต้องการให้เกิดสงครามการค้า นอกจากการใช้ประโยชน์จากทุกโอกาสเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ผ่านการเจรจา ประเทศต่างๆ จะพยายามแสวงหาวิธีการเพื่อเพิ่มความหลากหลายของตลาด.