(VOVWORLD) - ภายหลังครึ่งศตวรรษแห่งการรวมประเทศเป็นเอกภาพ ถิ่นปฏิวัติจังหวัดดั๊กลักหรือที่รู้จักในกันชื่อ ฐานที่มั่นแห่งการปฏิวัติ H9 ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอำเภอกรงบง จังหวัดดั๊กลัก ยังคงมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่รุ่งโรจน์ ในช่วงปี 1965-1975 สถานที่แห่งนี้คือศูนย์บัญชาการของจังหวัด และศูนย์กลางสำคัญในการระดมคนและยุทโธปกรณ์เพื่อส่งไปยังสมรภูมิในภาคใต้ จนนำไปสู่ชัยชนะบวนมาถวดเมื่อวันที่ 10 มีนาคมปี 1975 มีส่วนร่วมสร้างมหาชัยชนะในฤดูใบไม้ผลิปี 1975 รวมประเทศเป็นเอกภาพ ด้วยความหมายทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ฐานที่มั่นแห่งการปฏิวัติ H9 ดั๊กลั๊กจึงได้รับการรับรองเป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์แห่งชาติ และเป็นสถานที่ที่ให้การศึกษาเกี่ยวกับเกียรติประวัติแห่งความรักชาติในจังหวัดดั๊กลัก
ฐานที่มั่นแห่งการปฏิวัติ H9 ดั๊กลั๊ก ได้รับการรับรองเป็น โบราณสถานทางประวัติศาสตร์แห่งชาติ |
ฐานที่มั่นแห่งการปฏิวัติจังหวัดดั๊กลัก (1965-1975) ยังมีชื่อเรียกอื่นๆ อีก เช่น ถิ่นปฏิวัติจังหวัดดั๊กลักหรือปีกใต้ ถิ่นปฏิวัติกรงบง H9 และถิ่นปฏิวัติ H9 ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา กือยางซิน ในอำเภอกรงบง ในช่วงสงครามเพื่อรวมประเทศเป็นเอกภาพ ถิ่นปฏิวัตินี้เป็นที่ตั้งของสำนักงานพรรคสาขาจังหวัดดั๊กลัก สำนักงานและหน่วยงานในจังหวัด และเป็นจุดศูนย์รวมของเส้นทางสำคัญต่างๆ ของเส้นทางยุทธศาสตร์เหนือ - ใต้ ตะวันออก - ตะวันตก ค้ำประกันการสนับสนุนกำลังคนและอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่สมรภูมิในภาคใต้ โดยเฉพาะ ฐานที่มั่นแห่งการปฏิวัตินี้ยังเป็นสถานที่จัดการประชุมใหญ่พรรคสาขาจังหวัดดั๊กลักเมื่อปี 1966 ปี1969 และปี 1971
ในโอกาสรำลึกครบรอบ 50 ปีการปลดปล่อยจังหวัดดั๊กลัก ปัจจุบัน ที่อำเภอกรงบง ตามถนนทุกซอกทุกซอยเต็มไปด้วยธงแดงดาวเหลือง สถานที่ท่องเที่ยวได้รับการพัฒนาเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ภูเขาสูงตระหง่าน ป่าสงวนแห่งชาติและหมู่บ้านตามแนวเทือกเขากือยางซินไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวชุมชนและศึกษาค้นคว้าธรรมชาติเท่านั้น หากยังเป็นสถานที่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามช่วงปี 1965-1975 อีกด้วย นาย เลชี้เกวี๊ยต อดีตรองเลขาธิการพรรคสาขาจังหวัดดั๊กลัก ที่ปัจจุบันอายุเกือบ 100 ปีแล้ว ยังคงจำช่วงเวลาการเคลื่อนไหวปฏิวัติได้เป็นอย่างดี เล่าให้เราฟังว่า
“การประชุมครั้งแรกของพรรสาขาจังหวัดดั๊กลักที่มีขึ้น ณ ที่นี่ได้หารือเกี่ยวกับ 2 ประเด็น 1คือการป้องกันการโจมตีและรักษาถิ่นปฏิวัติทางทิศใต้เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้ายึดครอง และสร้างเป็นฐานที่มั่นแห่งการปฏิวัติที่สมบูรณ์ของจังหวัดตั้งแต่เหนือจรดใต้”
สำหรับอาจารย์ ห่าหงอกด่าว อดีตผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาและฝึกอบรมจังหวัดดั๊กลัก ฐานที่มั่นแห่งการปฏิวัติ H9-กรงบงที่เขาเข้าร่วมในวัยหนุ่มเป็นทั้งโรงเรียน สนามรบและฟาร์ม โดยอาจารย์ ด่าว ทำหน้าที่สอนหนังสือ ทำการผลิตอาหารและเข้าร่วมสนามรบ อาจารย์ ห่าหงอกด่าว เล่าให้ฟังว่า
“ผมมาที่นี่เมื่อปี 1965 และเมื่อถึงวันปลดปล่อยประเทศ ผมอยู่ที่นี่ครบ 10 ปีแล้ว หลายคนเติบโตมาจากที่นี่ มีวีรชนอย่างวีรชน อีเอิน ที่เติบโตมาจากขบวนการกองโจรและขบวนการปฏิวัติในกรงบง วีรชน อามาเล วีรชนของกองกำลังติดอาวุธก็เติบโตจากที่นี่เช่นกัน พอกลับมาที่นี่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกคิดถึงเพื่อนร่วมรบ คิดถึงพี่น้อง คนในท้องถิ่นและสนามรบ”
ในช่วงสงครามที่ดุเดือด ชาวบ้านในหมู่บ้านเชิงภูเขาชือยางซินไม่ย่อท้อการเสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องฐานที่มั่นแห่งการปฏิวัติและขยายพื้นที่ปลดปล่อย ชาวบ้านในหมู่บ้านเมอนาง เดิง ในตำบลยางมาว หมู่บ้านดั๊กตัวร์ หมู่บ้านเฮอโงในตำบลหว่าฟอง ได้ปกป้องการปฏิวัติเพื่อให้การประชุมใหญ่พรรคสาขาจังหวัด 3 ครั้งที่จัดขึ้นที่นี่ให้เป็นไปอย่างปลอดภัย นาย อีซวนนีเอ ในหมู่บ้านเฮอโงอา ตำบลหว่าฟอง อำเภอกรงบง เล่าให้ฟังว่า
“แต่ละคนมีภารกิจเฉพาะ ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน เช่น การทำกับดักจับศัตรูด้วยไม้เป็นหน้าที่ของคนที่มีอายุน้อย ส่วนผู้ใหญ่ก็ช่วยทำกับดักและปลูกมันสำหลังเพื่อใช้เป็นเสบียงสนับสนุนทหารที่ไปสู้รบ”
นาย เลชี้เกวี๊ยต อดีตรองเลขาธิการพรรคสาขาจังหวัดดั๊กลัก ถึงแม้มีอายุเกือบ 100 ปีแต่ยังคงจำช่วงเวลาแห่งการเคลื่อนไหวการปฏิวัติ 10 ปีในฐานทัพแห่งนี้ได้อย่างชัดเจน |
ความสามัคคีและเป็นเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ของกองทัพและประชาชนได้สร้างเงื่อนไขที่สะดวกเพื่อให้พรรคสาขาจังหวัดดั๊กลักนำประชาชนทุกกลุ่มชาติพันธุ์ได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า จนนำไปสู่ชัยชนะของบวนมาถวด ปลดปล่อยจังหวัดดั๊กลัก ซึ่งมีส่วนร่วมต่อชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ในฤดูใบไม้ผลิปี 1975 และรวมประเทศเป็นเอกภาพ
เมื่อปี 2017 ฐานที่มั่นแห่งการปฏิวัติจังหวัดดั๊กลักได้รับการรับรองเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของชาติโดยกระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว จนถึงปลายปี 2023 สถานที่ 39 แห่งในตำบลหว่าเหล หว่าฟอง กือฟี ยางมาวและกือรัมได้รับการรับรองเป็นอนุสรณ์สถานสังกัดฐานที่มั่นแห่งการปฏิวัติของจังหวัดดั๊กลัก ซึ่งเป็นการยืนยันถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่แห่งนี้ นาย อีทึกเอบาน รองประธานคณะกรรมการประชาชนอำเภอกรงบงเผยว่า
“นี่เป็นจุดเด่นเพื่อให้เราเดินหน้าให้การศึกษาเกี่ยวกับเกียรติประวัติแห่งการปฏิวัติ โดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นใหม่ ในเวลาที่จะถึง การพัฒนาการท่องเที่ยวและการส่งเสริมคุณค่าทางประวัติศาสตร์จะได้รับการส่งเสริมอย่างเข้มแข็งมากขึ้นด้วยกิจกรรมที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะ เราจะจัดกิจกรรมให้การศึกษาเกี่ยวกับเกียรติประวัติเป็นประจำให้แก่เยาวชนเพื่อแสดงความสำนึกในบุญคุณต่อส่วนร่วมที่ยิ่งใหญ่ของคนรุ่นก่อนที่ได้ต่อสู้อย่างกล้าหาญและเสียสละเลือดเนื้อเพื่อเอกราชและสันติภาพของบ้านเกิดและประเทศ”
ภายหลังครึ่งศตวรรษแห่งเอกราช ถิ่นปฏิวัติ H9 ได้กลายเป็นโบราณสถานและเป็นความภาคภูมิใจของชาวกรงบงเกี่ยวกับการต่อสู้อย่างกล้าหาญของคนรุ่นก่อน.