(VOVWORLD) - ศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศในเวียดนามได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นพัฒนาการใหม่ในยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของพรรค รัฐ และรัฐบาลเวียดนามในการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกอย่างกว้างลึก
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กล่าวปราศรัยในการประชุมประกาศจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศในเวียดนาม |
ศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศในเวียดนามหรือ IFC ดำเนินงานในรูปแบบ “หนึ่งศูนย์กลาง สองจุดหมายปลายทาง” โดยตั้งอยู่ในนครโฮจิมินห์และนครดานัง เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งด้านคุณภาพและประสิทธิภาพต่อการพัฒนาตลาดการเงิน ซึ่งส่งผลอย่างกว้างลึกต่อทุกภาคส่วนและทุกด้านของประเทศ
จุดเปลี่ยนสำคัญในกระบวนการผสมผสานและการพัฒนา
การจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศในเวียดนามมีความจำเป็นเร่งด่วนเนื่องมาจากศักยภาพและวิสัยทัศน์แห่งยุคสมัยต่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืนของเวียดนาม โดยในการประชุมประกาศการจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศในเวียดนามเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ย้ำว่า นี่คือ “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ในกระบวนการผสมผสานและการพัฒนาประเทศภายหลัง 40 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่
“ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกกำลังเคลื่อนย้ายไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เวียดนามตั้งอยู่ในตำแหน่งทางภูมิศาสตร์การเมืองที่เอื้ออำนวยเพื่อเป็นจุดหมายปลายทางในการดึงดูดกระแสเงินลงทุน สินค้า และเทคโนโลยีระดับโลก ถ้าหากเราใช้โอกาสนี้ได้ การสร้างศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศไม่ได้เป็นเพียงแค่การดึงดูดการลงทุนเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ การเป็นเส้นทางสำคัญในการดึงดูดปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ ด้วยตลาดการเงินบริการ การเงินระดับสูง กลไก นโยบาย และรูปแบบการกำกับดูแลใหม่ๆ จะเป็นพลังขับเคลื่อนในการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ ทำให้เวียดนามก้าวสู่ระดับที่สูงขึ้นในห่วงโซ่คุณค่าโลก”
การเปิดศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศในเวียดนามยังถือเป็นการเริ่มต้นกระบวนการสร้างนวัตกรรมที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพในการพัฒนาตลาดการเงิน ซึ่งจะส่งผลในวงกว้างต่อทุกภาคส่วน ทุกสาขา และทุกองค์กรของประเทศ
“หนึ่งคือ ศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศจะช่วยยกระดับสถานะของประเทศ โดยเวียดนามจะไม่ถูกมองว่า เป็นเพียง “ฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติ” อีกต่อไป แต่จะกลายเป็นส่วนสำคัญในเครือข่ายความมั่นคงทางการเงินระดับโลกและห่วงโซ่คุณค่าโลก 2 คือ จะสร้างก้าวกระโดดในด้านแหล่งพลัง สร้างและพัฒนาช่องทางระดมเงินทุนที่มีประสิทธิภาพขนาดใหญ่ ด้วยต้นทุนต่ำสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์โดยไม่ต้องเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ 3คือ จะเป็น “ก้าวกระโดดแห่งก้าวกระโดด” ในด้านกลไกนโยบาย โดยประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดของศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศไม่ได้วัดจากมูลค่าทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังวัดจากการเปลี่ยนแปลงใหม่ด้านความคิดเกี่ยวกับการบริหารและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ส่วนแรงกดดันจากการแข่งขันในระดับนานาชาติจะส่งเสริมการปฏิรูประเบียบราชการอย่างเข้มแข็ง โปร่งใส่มากขึ้นและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลที่ครอบคลุมมากขึ้น”
ภาพการประชุม |
โอกาสใน “เวทีการเงินโลก”
ศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศเป็นจุดศูนย์รวมของสถาบันการเงิน การไหลเวียนของเงินทุน ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย และบริการสนับสนุนในระดับสูง ในสภาวการณ์ที่โลกกำลังปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานและการเคลื่อนย้ายเงินทุนทั่วโลก การมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งของเวียดนามได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในระยะยาว โดยไม่พึ่งพาแต่แรงงานราคาถูก หรือการว่าจ้างจากภายนอก แต่มีเป้าหมายเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่มีมูลค่าเพิ่มสูง นาย ดอน ลัม ซีอีโอของกองทุนลงทุน VinaCapital กล่าวว่า
“การจัดตั้งศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศหรือ IFC จะช่วยให้เวียดนามดึงดูดเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการขนาดใหญ่ที่กำลังดำเนินการอยู่ เรากำลังร่วมมือกับเครือบริษัท Bamboo Capital Group หรือ BCG เพื่อสนับสนุนนครโฮจิมินห์ในการวางแผนสำหรับ IFC นอกจากการพัฒนาตลาดการเงิน เงินทุนและสินเชื่อแล้ว เวียดนามยังเป็นหนึ่งในประเทศส่งออกสินค้าเกษตรชั้นนำ เช่น ข้าว กาแฟ และพริกไทย การส่งเสริมอีคอมเมิร์ซและศูนย์กลางทางการเงินจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขายตรงสู่ตลาดโลก โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง”
จากมุมมองภายในประเทศ การที่เครือบริษัททางการเงินขนาดใหญ่เข้ามาตั้งอยู่ในศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศจะนำไปสู่ระบบนิเวศการบริการที่มีคุณภาพสูง เช่น การให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย การตรวจสอบบัญชี เทคโนโลยีทางการเงินหรือฟินเทค ประกันภัย และการบริหารความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยยกระดับตลาดบริการของเวียดนาม ส่วนจากมุมมองระหว่างประเทศ การจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศจะช่วยให้เวียดนามมีส่วนร่วมในเครือข่ายการเงินเอเชียแปซิฟิกที่ลึกซึ้งมากขึ้น และเป็นพลังขับเคลื่อนช่วยให้สถานประกอบการเวียดนามก้าวไปสู่ระดับโลก เข้าถึงมาตรฐานสากล คุณค่าที่ก้าวหน้า และห่วงโซ่คุณค่าโลก
ทั้งนี้ การจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศของเวียดนามถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในกระบวนการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกอย่างกว้างลึก ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการพัฒนาบริการทางการเงินเท่านั้น หากยังเป็นการยืนยันอย่างเข้มแข็งเกี่ยวกับความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเวียดนามที่จะก้าวขึ้นสู่เวทีการเงินระดับภูมิภาคและโลกอีกด้วย.