ฟอรั่ม “การพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลของเวียดนามอย่างยั่งยืนในปี 2025” (nhandan.vn)

เวียดนามเป็นประเทศที่มีแนวชายฝั่งยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะทางทะเลที่กว้างใหญ่พร้อมหมู่เกาะน้อยใหญ่นับพันแห่ง ดังนั้น ทะเลจึงไม่เพียงเป็นพื้นที่แห่งการคงอยู่และเป็นแนวป้องกันเชิงยุทธศาสตร์เท่านั้น หากยังเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอีกด้วย

ส่งเสริมศักยภาพทางทะเล สร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การขยายตัวใหม่

เวียดนามกำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจทางทะเลแห่งสีเขียวที่มีมูลค่าเพิ่มสูง โดยเฉพาะการขนส่งทางทะเลแห่งสีเขียว การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานหมุนเวียนนอกชายฝั่งแทนการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในระดับปฐมภูมิ ซึ่งที่น่าสนใจคือ การพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลแห่งสีเขียวพร้อมกับการค้ำประกันการดำรงอาชีพและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เขตชายฝั่งและหมู่เกาะให้ดีขึ้น ในฟอรั่ม “การพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลของเวียดนามอย่างยั่งยืนในปี 2025” ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 12–13 ธันวาคม ณ จังหวัดกว๋างนิงห์ นาย หว่างแทงหวิง เจ้าหน้าที่บริหารโครงการเศรษฐกิจหมุนเวียนและทะเลของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติหรือ UNDP ได้ชื่นชมการก่อตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงทางทะเลที่เวียดนามกำลังดำเนินการอยู่

“การก่อตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงทางทะเลช่วยให้ชาวบ้านสามารถเข้าร่วมได้เหมือนการทำงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงทางทะเลที่มั่นคง และช่องทางการจำหน่ายให้แก่ผู้เพาะเลี้ยง ซึ่งเป็นแนวทางที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก”

ควบคู่กับการพัฒนา เวียดนามให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางทะเล โดยได้ส่งเสริมงานด้านการบริหารจัดการและการอนุรักษ์ทะเล การทำประมงได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดตามแนวทางที่ยั่งยืน พร้อมทั้งควบคุมการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุมหรือ IUU อย่างเคร่งครัด  เพื่อปกป้องผลประโยชน์ในระยะยาวและตอบสนองความต้องการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก การฟื้นฟูป่าชายเลน แนวปะการังและการลดขยะพลาสติกในทะเลกำลังค่อย ๆ สร้าง “กำแพงแห่งสีเขียว” ให้กับพื้นที่ริมฝั่งทะเล นอกจากนี้ การขนส่งทางทะเลแห่งสีเขียวก็เป็นแนวโน้มที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัว ความแข็งแกร่งและการฟื้นตัวของสถานประกอบการ นายด่าว จ๋อง ควา รองนายกสมาคมผู้ประกอบการให้บริการโลจิสติกส์เวียดนามกล่าวว่า

“ความต้องการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการปรับตัวอย่างรวดเร็วถือเป็น 2 ปัจจัยสำคัญของห่วงโซ่อุปทานในสภาวการณ์ที่โลกกำลังมีความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์และความต้องการด้าน “การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” นับวันเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกในทั่วโลก ปัจจุบัน กระบวนการมุ่งสู่โลจิสติกส์แห่งสีเขียวและการปรับตัวอย่างรวดเร็วจะมีส่วนร่วมต่อกระบวนการลดการปล่อยคาร์บอนในหน่วยงานโลจิสติกส์ทางทะเลของเวียดนาม”

การขยายตัว ความมั่นคง สิ่งแวดล้อมและสถานะของเวียดนามบนเวทีโลก

เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลตามแนวทางแห่งสีเขียว เวียดนามกำลังปรับปรุงกลไกให้มีความสมบูรณ์ต่อไป โดยประกาศยุทธศาสตร์แห่งชาติเกี่ยวกับการขยายตัวแห่งสีเขียวเศรษฐกิจหมุนเวียนและสอดแทรกเป้าหมายการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้าในการวางผังและแผนพัฒนาเศรษฐกิจ – สังคม เช่น มติที่ 36 ว่าด้วยยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลอย่างยั่งยืนของเวียดนามจนถึงปี 2030 และวิสัยทัศน์ถึงปี 2045 โดยมีหลายด้านประสบผล ที่น่ายินดีต่างๆ เช่น พลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานลม ที่เวียดนามมีศักยภาพในการผลิตมากกว่า 600 GW ซึ่งกำลังมีส่วนช่วยเปลี่ยนแปลงการผลิตไฟฟ้าและลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล และเวียดนามยังสามารถใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจทางทะเลด้วยแนวคิดแห่งสีเขียว

นอกจากนี้ เพื่อสร้างขั้วการขยายตัวทางทะเลแห่งสีเขียวและเชื่อมโยงศูนย์กลางทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เวียดนามพร้อมมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในการพัฒนาเครือข่ายทางทะเลระดับโลก ในการประชุมเกี่ยวกับมหาสมุทรแห่งสหประชาชาติ ที่มีขึ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ณ ประเทศฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำว่า

“ในฐานะประเทศริมฝั่งทะเล เวียดนามให้คำมั่นที่จะเป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจ พร้อมร่วมมือในความพยายามระดับโลกเพื่อปกป้องมหาสมุทร เป็นหุ้นส่วนที่กระตือรือร้นพร้อมะเข้าร่วมและแนะแนวกลไกความร่วมมือด้านทะเลเพื่อการพัฒนาแห่งสีเขียวและยั่งยืน เวียดนามพร้อมมีส่วนร่วมต่อความคิดริเริ่มด้านการเงินเพื่อทะเลแห่งสีเขียวที่เป็นธรรมและยั่งยืน เพิ่มการลงทุนในการวิจัยและประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ทางทะเล ผลักดันการถ่ายทอดเทคโนโลยี ความร่วมมือวิจัยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อใช้ประโยชน์และการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลอย่างยั่งยืน”