(VOVWORLD) - การค้าโลกในปี 2025 ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในรอบหลายทศวรรษเนื่องจากสงครามภาษีและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่อย่างไรก็ตาม การค้าโลกยังคงแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นเป็นอย่างดีและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในรายงานการติดตามสภาวะการค้าโลกประจำปีขององค์การการค้าโลกหรือ WTO ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ระบุว่า การค้าโลกในปี 2025 ต้องเผชิญกับความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปีเนื่องจากนโยบายภาษีแต่เพียงฝ่ายเดียวและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เพิ่มมากขึ้น
ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุด
รายงานของ WTO ระบุว่า ในระหว่างช่วงกลางเดือนตุลาคมปี 2024 ถึงกลางเดือนตุลาคมปี 2025 การนำเข้าทั่วโลกเกือบ 1 ใน 5 คิดเป็นร้อยละ 19.7 ได้รับผลกระทบจากภาษีใหม่และมาตรการในลักษณะนี้ ซึ่งสูงกว่าร้อยละ 12.6 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในด้านมูลค่า ยอดมูลค่าการนำเข้าทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากภาษีใหม่และมาตรการนำเข้าอื่นๆ สูงถึง 2 ล้าน 6 แสน 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 6 แสน 1 หมื่น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 15 ปี ส่วนในด้านการส่งออก ยอดมูลค่าการค้าที่ได้รับผลกระทบอยู่ที่ประมาณ 2 ล้าน 9 แสน 6 หมื่น 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับรายงานฉบับก่อนซึ่งอยู่ที่ 8 แสน 8 หมื่น 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นาง เอ็นโกซี โอคอนโจ-อีเวล่า (Ngozi Okonjo-Iweala) ผู้อำนวยการใหญ่ของ WTO เผยว่า ความผันผวนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กำหนดภาษีต่างตอบแทนเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่การค้าโลกต้องเผชิญในรอบ 8 ทศวรรษ ตามการคำนวณของ WTO เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาระบุว่า ในกรณีที่เกิดความแตกแยกของการค้าโลก การขยายตัว GDP ของเศรษฐกิจโลกจะลดลงอย่างน้อยร้อยละ 7 ในระยะยาว ซึ่งโลกได้หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนี้เนื่องจากสหรัฐและประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศได้เจรจาและบรรลุข้อตกลงทางการค้าใหม่ รวมทั้งสหรัฐและจีน ซึ่งเป็นสองเศรษฐกิจรายใหญ่ที่สุดในโลกก็ได้บรรลุข้อตกลงที่จะยุติสงครามการค้าเป็นเวลา 1 ปี ทั้งนี้ส่งผลให้การค้าสินค้าทั่วโลกเติบโตประมาณร้อยละ 2.4 ในปีนี้ ส่วนเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนาหรือ UNCTAD ได้คาดการณ์ว่า การค้าสินค้าและบริการทั่วโลกจะบรรลุกว่า 35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในปีนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะฟันฝ่าอุปสรรคได้ แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปีนี้ยังคงตั้งคำถามสำคัญเกี่ยวกับบทบาทและความจำเป็นในการปฏิรูประบบการค้าพหุภาคี ซึ่ง WTO เป็นเสาหลักสำคัญ นาง เอ็นโกซี โอคอนโจ-อีเวล่า ผู้อำนวยการใหญ่ของ WTO แสดงความเห็นว่าสหรัฐ และประเทศสมาชิก WTO ทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาต่างมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับ WTO และระบบการค้าพหุภาคีดังนั้น ควรแปรปัญหาเหล่านี้ให้เป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อระบบการค้า
ตามรายงานของ WTO ปัจจัยในแง่ดีคือ การค้าโลกเกือบร้อยละ 72 ยังคงได้รับการปฏิบัติภายใต้หลักการปฏิบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับการอนุเคราะห์หรือ Most Favored Nation (MFN) และควบคู่กับแนวโน้มการคุ้มครองทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ประเทศสมาชิกและผู้สังเกตการณ์ของ WTO ก็กำลังเร่งดำเนินมาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้าใหม่ๆ โดยในการประชุมทบทวนนโยบายการค้า ณ WTO หรือ TPRB ในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ มีการประกาศใช้ 331 มาตรการ รวมมูลค่าประมาณ 2 ล้าน 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าประมาณ 1.5 เท่าเมื่อเทียบกับรายงานก่อนหน้านั้น ที่ 1 ล้าน 4 แสน 4 หมื่น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
แนวโน้มการค้าโลกในปี 2026
สำหรับแนวโน้มการค้าโลกในปี 2026 WTO, UNCTAD และองค์กรเศรษฐกิจอื่นๆ ได้มีการประเมินอย่างระมัดระวัง โดยนาย มาร์ค บาเชตตา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ WTO เผยว่า การค้าโลกในปีหน้ายังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายระดับชาติ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจ ดังนั้น WTO จึงคาดการณ์ว่า การเติบโตของการค้าสินค้าโลกจะอยู่ที่ประมาณ 0.5% ในปี 2026 ส่วน UNCTAD ก็คาดการณ์ว่า การเติบโตจะอ่อนแอลงในปี 2026 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หนี้สินเพิ่มขึ้น และต้นทุนการค้าที่อยู่ในระดับสูง
แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยในเชิงบวกอาจเปลี่ยนแปลงภาพรวมการค้าโลกในเวลาที่จะถึง โดยเฉพาะแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างเข้มแข็ง ตามรายงานสถิติของ WTO คาดว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ในด้านมูลค่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ซึ่งมีส่วนร่วมเกือบครึ่งหนึ่งต่อการเติบโตของการค้าโลก ถึงแม้ว่าจะคิดเป็นเพียงร้อยละ 10 ของยอดมูลค่าการค้าสินค้า ดังนั้น AI อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยเปลี่ยนเกมการค้าโลกในปีหน้า นาง โจฮันนา ฮิลล์ รองผู้อำนวยการใหญ่ของ WTO ให้ข้อสังเกตว่า
“AI นำโอกาสที่สดใสมาให้แก่การค้าในสภาวการณ์ที่โลกมีความซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากช่วยลดต้นทุนการค้า ส่งเสริมการผลิตและเพิ่มการมีส่วนร่วมในตลาดโลก แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือศักยภาพของ AI ในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างครอบคลุมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อลดช่องว่างการพัฒนาทางดิจิทัล”
อีกปัจจัยหนึ่งที่ถูกระบุในรายงานของ UNCTAD เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมคือ การเติบโตของการค้าโลกในปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่มาจากปริมาณการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง ความต้องการซื้อสินค้าหรือบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางการค้าไปสู่หุ้นส่วนการค้าที่มีทัศนะทางการเมืองที่คล้ายคลึงกันและหุ้นส่วนที่มีภูมิศาสตร์ใกล้กันกำลังกำหนดห่วงโซ่การค้าโลกอีกครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นได้ชัดที่สุดในเอเชียตะวันออก ที่เป็นผู้นำการเติบโตภาคการส่งออกเมื่อปีที่ผ่านมาด้วยการเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ในขณะที่การค้าภายในภูมิภาคก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 นอกจากนั้น การเติบโตทางการค้าในแอฟริกาและระหว่างประเทศกำลังพัฒนาในซีกโลกใต้ก็มีการฟื้นตัวอย่างเข้มแข็ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของเศรษฐกิจเกิดใหม่ในกระแสการค้าโลก.