(VOVWORLD) -การสนทนาแชงกรีลาปีนี้มีขึ้นในระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน ณ ประเทศสิงคโปร์ ในสภาวการณ์ที่ความไร้เสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมือง ปัญหาความมั่นคงทั้งรูปแบบใหม่และรูปแบบเก่าได้สร้างแรงกดดันใหญ่ต่อบรรยากาศความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
สถานที่จัดการสนทนาแชงกรีลา (Photo: REUTERS/Edgar Su) |
จากการเป็นหนึ่งในฟอรั่มการสนทนาความมั่นคง-กลาโหมชั้นนำประจำปีในภูมิภาคเอเชียในหลายปีที่ผ่านมา การสนทนาแชงกรีลาปีนี้มีการเข้าร่วมของผู้แทนประมาณ 600 คน ซึ่งเป็นนักวิชาการระหว่างประเทศและผู้นำประเทศต่างๆ รวมทั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ปีเตอร์ เฮกเซท
ความไร้เสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น
การสนทนาแชงกรีลาปีนี้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่นโยบายด้านภาษีของทางการประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบการค้าโลก ซึ่งในนั้น เศรษฐกิจต่างๆในเอเชีย-แปซิฟิกได้รับผลกระทบในทางลบและเกิดการปะทะระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ซึ่งเป็นสองประเทศมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ ในการสนทนาแชงกรีลาปีนี้ ประเทศต่างๆต้องตอบคำถามเกี่ยวกับการยืนหยัดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความสมดุลด้านผลประโยชน์
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศหรือ IISS ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการสนทนาแชงกรีลา เผยว่า ในกรอบการสนทนาแชงกรีลาปีนี้ มีการจัดการสนทนา 7 นัดและกิจกรรมต่างๆนอกรอบการประชุม ซึ่งปัญหาต่างๆที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมครั้งนี้คือความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบเก่า เช่น การปะทะ ภัยคุกคามในโลกไซเบอร์ อวกาศและมหาสมุทร ห่วงโซ่อุปทานโลก ค้ำประกันความมั่นคงด้านอาหาร ความมั่นคงด้านแหล่งน้ำจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การอพยพ สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัญาหาความมั่นคงใหม่ เช่น อาชญกรรมข้ามชาติ การจับปลาอย่างผิดกฎหมาย นาย Bastian Giegerich ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร IISS เผยว่า
“การสนทนาแชงกรีลาปีนี้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่ความไร้เสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศพันธมิตร ความสัมพันธ์หุ้นส่วนกำลังเผชิญแรงกดดัน ดังนั้น การสนทนาเป็นโอกาสเพื่อให้รัฐบาลประเทศต่างๆกล่าวถึงนโยบาย หารือเกี่ยวกับการคัดเลือกนโยบายและแสวงหามาตรการรับมือกับความท้าทายต่างๆที่กำลังเพิ่มมากขึ้น”
ประเด็นที่ได้รับความสนใจในระเบียบวาระการประชุมของการสนทนาแชงกรีลาปีนี้คือการจัดการประชุมหารือเพื่อประเมินผลกระทบจากนโยบายของสหรัฐต่อโลก นาย Evan Laksman นักวิจัยของ IISS เผยว่า นี่คือหัวข้อที่บรรดาประเทศอาเซียนให้ความสนใจเป็นพิเศษ ในสภาวการณ์ที่อาเซียนกำลังพยายามส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลาง แสวงหาความสมดุลย์เชิงยุทธศาสตร์ในความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับประเทศมหาอำนาจต่างๆ พิจารณาการผลักดันความร่วมมือกับกลไกพหุภาคีใหม่
“เพื่อรับมือกับความไร้เสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน และเพื่อค้ำประกันผลประโยชน์ของประเทศต่างๆ บรรดาประเทศอาเซียนกำลังมีแนวโน้มส่งเสริมความร่วมมือกับกลไกหรือองค์การพหุภาคีต่างๆ เช่น BRICS และ OECD แทนกลไกเก่า แต่ยังมีการถกเถียงในประเทศต่างๆเกี่ยวกับผลประโยชน์ของกลไกนี้แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ การแสวงหากลไกและหุ้นส่วนต่างๆที่สมดุลกว่าเป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือในการสนทนานี้”
นาย ปีเตอร์ เฮกเซท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ พบปะกับนาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมไทย นอกรอบการสนทนาแชงกรีลาวันที่ 30 พฤษภาคม (Photo: REUTERS/Edgar Su) |
บทบาทของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน
ก็เหมือนกับการสนทนาต่างๆก่อนหน้านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนและผลกระทบต่อภูมิภาค เป็นหนึ่งในประเด็นใหญ่ของการสนทนาแชงกรีลาปีนี้ การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีน ต่ง จวิน ไม่เข้าร่วมการสนทนาแชงกรีลาปีนี้ได้ทำให้การพบปะเป็นครั้งแรกระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวกลาโหมสหรัฐกับจีนนับตั้งแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งไม่ได้ถูกจัดขึ้นตามที่คาดหวัง แต่อย่างไรก็ดี การเข้าร่วมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ปีเตอร์ เฮกเซท เป็นครั้งแรกในการสนทนาแชงกรีลาได้สะท้อนให้เห็นว่า ทางการชุดใหม่ของสหรัฐยังถือภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเป็นประเด็นยุทธศาสตร์ที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในเวลาที่จะถึง ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือทางการชุดใหม่ของสหรัฐจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายและวิธีการเข้าถึงอย่างไรเมื่อเทียบกับสมัยของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน ก่อนที่เข้าร่วมการสนทนาแชงกรีลา นาย ปีเตอร์ เฮกเซท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ประกาศว่า สหรัฐไม่อยากปะทะกับประเทศใดแต่จะมีปฏิบัติการเชิงป้องปรามเพื่อป้องกันการปะทะ
“ในวาระของทางการชุดใหม่ พวกเราจะบรรลุสันติภาพและการป้องปรามผ่านการร่วมมือกับประเทศพันธมิตรและหุ้นส่วนต่างๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคอินเดีย-แปซิฟิก ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่พวกเรามุ่งเน้น พวกเราจะเดินทางไปยังสิงคโปร์เพื่อจัดการพบปะต่างๆ เพื่อค้ำประกันให้ภูมิภาคเข้าใจว่า ประเทศสหรัฐจะแข็งแกร่ง”
บรรดาผู้สังเกตการณ์เห็นว่า ภายหลังการประชุมความมั่นคงมิวนิกที่รองประธานาธิบดี J.D Vance และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ปีเตอร์ เฮกเซท ประกาศลดคำมั่นด้านความมั่นคงของสหรัฐต่อยุโรป การสนทนาแชงกรีลาปีนี้อาจชี้ชัดถึงประเด็นด้านความมั่นคง กลาโหมเชิงยุทธศาสตร์ใหม่ของสหรัฐต่อภูมิภาคในเวลาที่จะถึง ซึ่งสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก แต่นาย Douglas Bandow ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันกาโต ประเทศสหรัฐได้เตือนว่า
“หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของพวกเราในปัจจุบันคือธำรงสันติภาพ ซึ่งจีนและสหรัฐ ต้องธำรงสันติภาพระหว่างกันและในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกผ่านการส่งเสริมการสนทนา การไกล่เกลี่ยและความร่วมมือ การสร้างอนาคตแห่งการแบ่งปันให้แก่ทุกฝ่าย ซึ่งต้องการการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายๆ”
บรรดาผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า การสนทนาแชงกรีลาปีนี้มีการเข้าร่วมของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครงและนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิมซึ่งเป็นผู้นำที่สนับสนุนวิธีการเข้าถึงที่เป็นกลางระหว่างฝ่ายต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประเทศต่างๆในภูมิภาคยังให้ความสนใจต่อการสนทนา ความร่วมมือและความสมดุลเชิงยุทธศาสตร์.