จากการบริหารรัฐกิจสู่ธรรมาภิบาล พัฒนาการด้านความคิด

(VOVWORLD) - นับเป็นครั้งแรกที่มีการระบุคำว่า “ธรรมาภิบาล” ในเอกสารของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 ซึ่งเป็นหลักการเพื่อการบริหารรัฐกิจแนวใหม่ที่ทันสมัย โปร่งใสและสามารถแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพ และแนวคิดนี้ก็ได้รับการยืนยันอีกครั้งในร่างรายงานทางการเมืองเพื่อยื่นเสนอต่อการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 14 พร้อมข้อเสนอคือต้องสร้างสรรค์ระบบบริหารภาครัฐและธรรมาภิบาลที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ สนับสนุนการสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ สร้างสรรค์รัฐบาลดิจิทัลและทางการปกครองดิจิทัล ซึ่งนี่คือพัฒนาการด้านความคิดของพรรคเพื่อปรับเปลี่ยนจากรูปแบบการบริหารรัฐกิจสู่ธรรมาภิบาล
จากการบริหารรัฐกิจสู่ธรรมาภิบาล พัฒนาการด้านความคิด - ảnh 1คณะกรรมการกลางพรรคสมัยที่ 13 (VNA)

การรับใช้ประชาชนอย่างเข้มแข็ง

ใจความสำคัญของ “ธรรมาภิบาลที่ทันสมัย” คือมุ่งสร้างสรรค์นิติรัฐที่บริสุทธิ์เพื่อรับใช้ประชาชน โดยกฎหมายคือเครื่องมือ ฐานข้อมูลคือพื้นฐาน มนุษย์เป็นศูนย์กลางและการพัฒนาคือเป้าหมายที่มุ่งถึง โดยรูปแบบการปกครองท้องถิ่น 2 ระดับได้ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก เช่น คุณ หว่างถิเตี๊ยง อาศัยที่ตำบลจุ่งแค้ง จังหวัดกาวบั่งต้องยื่นคำขอโอนสิทธิการใช้ที่ดิน โดยได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ให้บริการสาธารณะตำบลจุ่งแค้ง เช่น การรับบัตรคิวและการยื่นคำขอผ่านทางออนไลน์

“เจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯช่วยเหลือดิฉันในการทำระเบียบราชการอย่างรวดเร็วและสะดวกสบายมาก”

ทั้งนี้ ภายหลังการปฏิบัติมาเป็นเวลากว่า 5 เดือน รูปแบบธรรมาภิบาลได้ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆในการบริหารรัฐกิจเพื่อเดินหน้ารับใช้ประชาชนและสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนา ซึ่งในรูปแบบการบริหารรัฐกิจก่อนหน้านี้ มักจะดำเนินการตามคำสั่งและการบริหารที่อาศัยประสบการณ์ แต่ในรูปแบบใหม่ การตัดสินใจปัญหาต่างๆต้องอาศัยฐานข้อมูล การพิสูจน์และการสะท้อนเสียงพูดทางสังคม นาย โด๊ะซวนเฮี้ยว รองประธานคณะกรรมการประชาชนตำบลหว่าฟู้ จังหวัดดั๊กลั๊กและนาย เหงวียนกวางดง หัวหน้าสถาบันวิจัยนโยบายและการพัฒนาการประชาสัมพันธ์ได้ให้ข้อสังเกตว่า

“ทางการปกครองตอนนี้คือทางการปกครองเพื่อรับใช้ประชาชน เดินหน้ารับฟังความคิดเห็นและเกาะติดความต้องการของประชาชนและสถานประกอบการเพื่อจัดทำนโยบาย แผนการปฏิบัติและโครงการต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน”

“ธรรมาภิบาลต้องมุ่งรับใช้ประชาชนและถือประชาชนเป็นรากฐาน ซึ่งท่ามกลางการพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงาน ความคิดที่ว่าประชาชนและสถานประกอบการเป็น “ผู้ขอ” รัฐเป็น “ผู้ให้”มาเป็นการรับใช้ประชาชน  การให้บริการสาธารณะผ่านทางออนไลน์ที่ทำให้มีการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนกับองค์กรภาครัฐมากขึ้น นอกจากนี้ การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติที่อาศัยฐานข้อมูลทำให้การบริหารและตัดสินใจปัญหาสำคัญๆระดับชาติมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

พัฒนาการของความคิดเกี่ยวกับธรรมาภิบาลที่ทันสมัย

ทั้งนี้ ทางการปกครองแบบธรรมาภิบาลเชิงสร้างสรรค์จะช่วยขับเคลื่อน ระดมแหล่งพลังและสร้างความเชื่อมั่น โดยท้องถิ่นหลายแห่งได้เดินหน้าเปลี่ยนแปลงความคิดเกี่ยวกับธรรมาภิบาล เช่น จังหวัดกว๋างนิงได้ดำเนินศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ IOC ที่จัดสรรข้อมูลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจปัญหาต่างๆ ได้อย่างโปร่งใสและทันการณ์ นครดานังสร้างสรรค์รูปแบบธรรมาภิบาลดิจิทัลเพื่อรับฟังความคิดเห็นและตอบคำถามต่าง ๆ ของประชาชน ซึ่งเมื่อก่อน การบริหารจะเน้นการควบคุมและชี้นำปฏิบัติ ส่วนธรรมาภิบาลย้ำถึงการประสานงานและสร้างสรรค์ ดร.เหงวียนวันด๊าง จากสถาบันผู้นำและการบริหารรัฐกิจสังกัดสถาบันรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์ได้เผยว่า

“ธรรมาภิบาลที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพเพื่อรับใช้ประชาชนต้องส่งเสริมบทบาทของฝ่ายต่างๆ เช่น รัฐและระบบการเมืองมีบทบาทสำคัญอันดับต้นๆ ดึงดูดการเข้าร่วมของประชาชนและสถานประกอบการ อาทิเช่น คณะกรรมการส่วนกลางได้ประกาศมติที่ 41เกี่ยวกับสถานประกอบการและนักธุรกิจในยุคใหม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการรับรองบทบาทและสถานะของสถานประกอบการในการแปรเป้าหมายการพัฒนาประเทศให้เป็นรูปธรรม”

ส่วนในการประชุมครั้งที่10 สภาแห่งชาติสมัยที่ 15 เลขาธิการใหญ่พรรคโตเลิมได้ชี้ชัดถึงข้อใหม่และแนวทางที่สำคัญในร่างเอกสารเพื่อยื่นเสนอต่อการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 14 ว่า

“ต้องยืนยันอย่างชัดเจนว่า รูปแบบธรรมาภิบาลในระยะใหม่ต้องอาศัยกฎหมาย ฐานข้อมูลที่น่าเชื่อถือ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การปรับโครงสร้างองค์กรบริหารราชการให้กระทัดรัด เจ้าหน้าที่มีความบริสุทธิ์ สุจริต มีระเบียบวินัยเพื่อรับใช้ประชาชน เป็นการบริหารเพื่อการพัฒนาสร้างสรรค์มิใช่การทำงานแบบ “ขอ-ให้”อย่างเดิม”      

ทั้งนี้ การสร้างสรรค์รูปแบบธรรมาภิบาลที่ทันสมัย คล่องตัวและสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพคือความต้องการในการผสมผสาน เป็นเงื่อนไขเพื่อแปรความคาดหวังในการพัฒนาให้เป็นรูปธรรม เป็นเสาหลักของนิติรัฐสังคมนิยม โดยพรรคชี้นำผ่านวิสัยทัศน์ รัฐบริหารด้วยกฎหมาย สังคมพัฒนาด้วยความเชื่อมั่นและการเข้าร่วมของประชาชน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด