พิธีประกาศมติของส่วนกลางและท้องถิ่นเกี่ยวกับการควบรวมหน่วยงานการปกครองท้องถิ่น

นี่เป็นครั้งแรกในรอบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ที่เวียดนามมีจำนวนจังหวัดและนครน้อยที่สุดนับตั้งแต่การรวมประเทศเป็นเอกภาพและเป็นการปรับระบบการบริหารราชการระดับจังหวัดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่

“วันนี้เราได้มาร่วมในเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ ในพิธีประกาศมติของส่วนกลางและท้องถิ่นเกี่ยวกับการควบรวมหน่วยงานการปกครองท้องถิ่น”

เวียดนามได้ย่างเข้าสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งการปฏิรูปอย่างเข้มแข็ง และความมุ่งมั่นปรับเปลี่ยนกลไกระเบียบราชการเพื่อสร้างอนาคตแนสดใส ซึ่งนับตั้งแต่ตอนนี้ ในประเทศเวียดนามเหลือเพียง 34 จังหวัดและนครระดับส่วนกลาง โดยระบบการปกครองท้องถิ่น 2 ระดับเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการในทั่วประเทศ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการควบรวมหน่วยงานให้เป็นหน่วยงานขนาดใหญ่เท่านั้น หากยังเป็นการปฏิรูปอย่างรอบด้าน สะท้อนแนวคิดเชิงยุทธศาสตร์แห่งชาติ ในสารที่ส่งถึงประชาชนทั่วประเทศในพิธีประกาศวันนี้ เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้ย้ำว่า

“การดำเนินนโยบายควบรวมจังหวัดและนครต่างๆ ทั่วประเทศครั้งนี้เป็นก้าวเดินครั้งประวัติศาสตร์ที่มีความหมายเชิงยุทธศาสตร์ เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาในระยะใหม่เพื่อปรับปรุงกลไกราชการให้มีความสมบูรณ์ ปรับปรุงกลไกระเบียบการและโครงสร้างระบบการเมืองให้มีความพร้อมเพรียง กระทัดรัด มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มุ่งสู่การสร้างสรรค์ระบบธรรมาภิบาลที่ทันสมัย ใกล้ชิดกับประชาชน เข้าถึงประชาชน เพื่อประชาชนและเอื้อประโยชน์ให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง”

การควบรวมจังหวัดและนครครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของจำนวนเท่านั้น หากยังเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตใจการปรับตัวอย่างไม่หยุดยั้งให้สอดคล้องกับความต้องการของยุคสมัย เป็นความมุ่งมั่นตั้งใจปรับเปลี่ยนสิ่งที่คุ้นเคยและผูกพันมายาวนานเพื่อมุ่งสู่การสร้างสรรค์โครงสร้างระบบการบริหารราชการที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยมากขึ้น เพื่อสามารถรับใช้ประชาชนได้ดีขึ้น สร้างสภาพแวดล้อมใหม่สำหรับการพัฒนาของประเทศในยุคแห่งโลกาภิวัตน์และนวัตกรรม นาย ฝ่ามเติ๊ดทั้ง รองหัวหน้าคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ รณรงค์มวลชนส่วนกลางและนาย เหงวียนห่งด่าว อดีตผู้แทนสภาแห่งชาติแสดงความคิดเห็นว่า

“นี่เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ มีความหมายเชิงประวัติศาสตร์และเป็นศักราชใหม่แห่งการพัฒนาประเทศด้วยวิสัยทัศน์ที่ยืนยาว ซึ่งอย่างน้อยคือ 100 ปีที่จะถึง”

“เป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ นั่นคือ การยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์ระบบบริหารภาครัฐให้เป็นระบบบริหารของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งประชาชนจะเป็นเป้าหมายสุดท้ายในการบริหารภาครัฐ การรับใช้ประชาชนคือหน้าที่ความรับผิดชอบของทางการปกครองท้องถิ่น”

ภาพในพิธี

ร่วมแรงร่วมใจในการจัดระเบียบ สร้างสภาพแวดล้อมใหม่เพื่อพัฒนาประเทศ

ประเทศเวียดนามได้ย่างเข้าสู่ระยะแห่งการพัฒนาใหม่ ซึ่งบนเส้นทางนี้ จำเป็นต้องมีความสามัคคีชนในชาติ โดยถือเป็นพื้นฐานที่มั่นคงช่วยให้เวียดนามฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ประชาชนทั้งในเขตเขา เขตที่ราบสูงหรือในเขตตัวเมืองสามัคคีกัน ร่วมแรงร่วมใจและมุ่งมั่นตั้งใจก้าวรุดหน้าและเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างเข้มแข็ง

“เราได้เตรียมความพร้อมแล้วเพื่อให้การดำเนินงานในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้มีขึ้นอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ”

“เราเชื่อมั่นว่า การควบรวมครั้งนี้จะเปิดหน้าใหม่ในประวัติสาสตร์ให้แก่ประชาชาติ ประเทศเราจะขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่”

ประเทศเวียดนามในวันนี้เปรียบเหมือนเรือใบลำใหญ่ที่กำลังรับลมมุ่งออกสู่ทะเลกว้าง ลมคือพลังความคาดหวังเปลี่ยนแปลงใหม่ คือความมุ่งมั่นตั้งใจทางการเมือง และความไว้วางใจของประชาชน ส่วนใบเรือนั้น หากอยากเดินทางให้ไกล ต้องมีน้ำหนักเบา กระทัดรัดและมีทิศทางที่ชัดเจน การปรับโครงสร้างองค์กรและทางการปกครองท้องถิ่นก็เพื่อช่วยให้เวียดนามสามารถฝ่าคลื่นลมแรงแห่งยุคสมัยเพื่อเดินทางมุ่งสู่ข้างหน้าอย่างเข้มแข็งมั่นคง ดังคำยืนยันของเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ที่กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ได้มอบหมายหน้าที่ที่สำคัญให้แก่พวกเราคือ สร้างสรรค์ระบบองค์การบริหารภาครัฐให้กระทัดรัด มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อตอบสนองความต้องการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืนของประเทศในศักราชใหม่ และเพื่อบรรลุภารกิจนี้ จำเป็นต้องมีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์และความมุ่งมั่นตั้งใจปฏิบัติของทั้งระบบการเมืองและการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากประชาชน

“เรากำลังรับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ โดยหน่วยงานแต่ละแห่งและประชาชนแต่ละคนต่างเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในกระบวนการปฏิรูปที่เข้มแข็งครั้งนี้ ประชาชนชาวเวียดนามทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ ต่างก็มีบทบาทสำคัญและมีความรับผิดชอบในฐานะพลเมืองเพื่อพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะร่วมแรงร่วมใจ สามัคคี มุ่งมั่นปฏิบัติรูปแบบการปกครองท้องถิ่น 2 ระดับให้ประสบความสำเร็จ มีการดำเนินงานอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อปกป้องสิทธิที่ชอบธรรมของประชาชนได้ดีขึ้น รักษาสวัสดิการสังคมและเปิดโอกาสพัฒนาให้แก่ประชาชนทุกชั้นชน”