อียูผลักดันความสัมพันธ์ยุทธศาสตร์ใหม่กับจีนและญี่ปุ่น

(VOVWORLD) -เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปหรืออียูได้เดินทางไปเยือนภูมิภาคเอเชียเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับญี่ปุ่นและจีน ในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์กับสหรัฐมีความตึงเครียด การผลักดันการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจ การค้าและความมั่นคงกับสองประเทศมหาอำนาจในเอเชียนับวันมีมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ต่ออียู

อียูผลักดันความสัมพันธ์ยุทธศาสตร์ใหม่กับจีนและญี่ปุ่น - ảnh 1การประชุมสุดยอดอียู-จีน (Photo:Andres Martinez Casares/REUTERS)

นาย อันโตนิโอ กอสตา ประธานคณะมนตรียุโรปและนาง เออซูลา ฟอน เดอร์ ไลเยน   ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปหรืออีซีได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอียู-ญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม และการประชุมสุดยอดอียู-จีน ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม

การแสวงหาความสมดุลย์กับจีน

การประชุมสุดยอดอียู-จีนเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ณ กรุงปักกิ่ง เป็นกิจกรรมที่สำคัญในโอกาสรำลึกครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองฝ่าย ซึ่งทั้งอียูและจีนต่างถือว่า นี่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของความสัมพันธ์ทวิภาคีทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง สำหรับอียู สองประเด็นหลักที่อียูอยากบรรลุความเห็นพ้องกับจีนคือการสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ-การค้าที่สมดุลกว่าและจีนใช้อิทธิพลต่อรัสเซียเพื่อยุติการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครนโดยเร็ว นี่ก็เป็นประเด็นที่นาง เออซูลา ฟอน เดอร์ ไลเยน    กล่าวหลายครั้งในการประชุมหารือกับประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีจีน หลี่เฉียง

ประธานอีซีเผยว่า การที่อียูยังคงเสียเปรียบดุลการค้ากับจีน มากถึง 300 ล้านล้านยูโรต่อปี ความไม่สมดุลในการเปิดตลาดของแต่ละฝ่ายจะทำให้ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ-การค้าทวิภาคียากที่จะยั่งยืนได้ นอกจากนี้ อียูยังแสดงความวิตกกังวลต่อการจำกัดการส่งออกแร่ธาตุหายากของจีนหรือการแข่งขันด้านรถยนต์ไฟฟ้า สำหรับการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครน ฝ่ายอียูเห็นว่า ด้วยบทบาท อิทธิพลและความรับผิดชอบของตน จีนควรผลักดันความพยายามในการเจรจาอย่างจริงจังจากรัสเซีย แต่อย่างไรก็ดี อียูและจีนต่างไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆเกี่ยวกับสองประเด็นดังกล่าว โดยมีเพียงการรับรองเจตนาที่ดีต่อการสนทนาอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความขัดแย้งต่างๆ

นาย Fabian Zuleeg หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ของศูนย์นโยบายยุโรปหรือ EPC ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เผยว่า การที่อียูและจีนสนทนาอย่างตรงไปตรงมา แต่ยังไม่มีก้าวกระโดดใดๆเป็นสิ่งที่ไม่แปลกใหม่เพราะยังคงมีปัญหาระหว่างสองฝ่ายและทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะอียูกำลังมีความระมัดระวังเนื่องจากผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของแต่ละฝ่ายกับสหรัฐ โดยเฉพาะในช่วงที่ใกล้กำหนดเส้นตายคือวันที่ 1 สิงหาคมเพื่อให้ฝ่ายต่างๆบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐเกี่ยวกับปัญหาด้านภาษี

แม้จะไม่มีก้าวกระโดดแต่การประชุมสุดยอดระหว่างอียูและจีนยังคงบรรลุผลงานต่างๆ เช่น การออกประกาศร่วมเกี่ยวกับการผลักดันความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากทั้งอียูและจีนต่างเป็นเสาหลักในการธำรงข้อตกลงปารีสปี 2015 หลังจากที่สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนี้ นอกจากนี้ ประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง ได้เสนอข้อเสนอ 3 ข้อให้แก่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอียูในอนาคต รวมทั้ง การให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ส่งเสริมความร่วมมือและการแก้ไขความแตกต่างและความขัดแย้งอย่างถูกต้อง ส่งเสริมลัทธิพหุภาคี ธำรงความเป็นระเบียบเรียบร้อยระหว่างประเทศบนพื้นฐานของกฎหมาย

อียูผลักดันความสัมพันธ์ยุทธศาสตร์ใหม่กับจีนและญี่ปุ่น - ảnh 2การประชุมสุดยอดอียู-ญี่ปุ่น (Photo:David Mareuil/REUTERS)

ความคิดริเริ่มเกี่ยวกับการจัดตั้งพันธมิตรการแข่งขันอียู-ญี่ปุ่น

ส่วนการประชุมสุดยอดอียู-ญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว ได้ผลักดันความสัมพันธ์พันธมิตรระหว่างอียูกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเศรษฐกิจรายใหญ่อันดับ 2 ในเอเชีย หลังการประชุมสุดยอดอียู-ญี่ปุ่น บรรดาผู้นำอียูและนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เตรียมจัดพันธมิตรแข่งขันด้วยเป้าหมายขยายความร่วมมือด้านการค้าทวิภาคี ส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานเชิงยุทธศาสตร์และผลักดันความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจในสภาวการณ์ที่ความผันผวนด้านภูมิรัฐศาสตร์ในโลกและความท้าทายจากสหรัฐและจีนนับวันเพิ่มมากขึ้น

แถลงการณ์ร่วมระบุว่า  ทั้งสองฝ่ายจะผลักดันการประสานงานในการจัดทำนโยบายด้านอุตสาหกรรม พลังงาน ห่วงโซ่อุปทาน การปรับเปลี่ยนแห่งสีเขียวและเทคโนโลยีดิจิทัล ผลักดันการสนทนาด้านเศรษฐกิจระดับสูงเป็นประจำ ซึ่งกลไกนี้จะมีบทบาทกำหนดแนวทางความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองฝ่าย  จากการรับมือกับความเสี่ยงจากห่วงโซ่อุปทานไปจนถึงการปกป้องเทคโนโลยีหลักและการผลักดันการลงทุน พันธมิตรนี้ยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการประสานงานในการลงทุนร่วมระหว่างสถานประกอบการยุโรปกับญี่ปุ่น มุ่งสู่การขุดเจาะเหมืองแร่ในประเทศที่สาม  บรรดาผู้สังเกตการณ์เห็นว่า พันธมิตรใหม่ระหว่างอียูและญี่ปุ่นไม่เพียงแต่ผลักดันความร่วมมือทวิภาคีเท่านั้นหากยังมีบทบาทที่สำคัญในการกำหนดความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางการค้าในโลกในสภาวการณ์ที่องค์การการค้าโลกหรือ WTO ประสบอุปสรรคมากมายเหมือนในปัจจุบัน บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่า นี่จะเป็นก้าวเดินแรกเพื่อให้อียูมุ่งสู่การจัดตั้งกลไกการค้าพหุภาคีใหม่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก  นาง เออซูลา ฟอน เดอร์ ไลเยน   ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปหรืออีซีเผยว่า

“พวกเราเชื่อมั่นต่อการแข่งขันในโลกและสิ่งนี้ต้องนำผลประโยชน์มาให้แก่ทุกฝ่าย นี่เป็นสาเหตุที่อียูผลักดันความร่วมมือกับทุกประเทศสมาชิก CPTPP เพื่อปกป้องการค้าที่เปิดกว้างและกำหนด  อียูและบรรดาประเทศสมาชิก CPTPP อาจมีส่วนร่วมต่อการปฏิรูป WTO ซึ่งข้อกำหนดเกี่ยวกับการค้าโลกสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในปัจจุบันและภัยคุกคามในอนาคต”

อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญของความคิดริเริ่มร่วมมืออียู-ญี่ปุ่นคือการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุเชิงยุทธศาสตร์และวัตถุดิบที่จำเป็นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง กลาโหมและพลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ อียูและญี่ปุ่นยังให้คำมั่นที่จะประสานงานพัฒนาเทคโนโลยีที่เพิ่งเกิดใหม่ ผลักดันการวิจัยร่วมเกี่ยวกับ AI เซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยี 6 จี นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเผยว่า ทั้งสองฝ่ายเตรียมจัดการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการปกป้องข้อมูลระหว่างญี่ปุ่นกับอียู การสนทนาอุตสาหกรรมกลาโหมในด้านภาคเอกชน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด