(VOVWORLD) -หลัง 80 ปีที่ได้รับการสถาปนาเมื่อวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ประเทศเวียดนามได้กลายเป็นประเทศที่มีเอกราช พึ่งตนเองและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึก นับตั้งแต่ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์แห่งการต่อสู่ศัตรูผู้รุกรานอย่างกล้าหาญไปจนถึงการปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลใหม่ประเทศและผสมผสานเข้ากับกระแสโลก เวียดนามในวันนี้ได้รับคำชื่นชมจากเพื่อนมิตรนานาชาติว่า เป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจและที่พึ่งแห่งสันติภาพและการพัฒนา
เมื่อวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามได้รับการสถาปนา เปิดศักราชแห่งเอกราชและเสรีภาพให้แก่ประชาชาติเวียดนาม ภายหลัง 80 ปี เวียดนามได้ย่างเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยสถานะใหม่ที่มีความเชื่อมั่นและเป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก ส่งเสริมเอกลักษณ์วัฒนธรรม – ประวัติศาสตร์ ยืนยันความรับผิดชอบและน่าเชื่อถือในระดับโลก
เวียดนาม – หุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจ
ในสภาวการณ์ที่โลกมีความผันผวนยากที่คาดเดาได้ เวียดนามได้รับความเคารพและถือเป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้า กลาโหม ความมั่นคงและวัฒนธรรม โดยผลสำเร็จด้านเศรษฐกิจและสังคมที่น่าประทับใจบวกกับสภาพการเมืองที่มีเสถียรภาพและนโยบายการต่างประเทศที่อิสระ พึ่งตนเอง หลายรูปแบบหลายฝ่ายได้ช่วยให้เวียดนามกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน ความร่วมมือและการพบปะแลกเปลี่ยน นาย บุ่ยแทงเซิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามยืนยันว่า
“ถึงขณะนี้ เราสามารถสถาปนาความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ - การค้ากับกว่า 230 ประเทศและดินแดน ลงนามและปฏิบัติข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ 17 ฉบับ รวมทั้งข้อตกลงเอฟทีเอรุ่นใหม่ต่างๆ และกำลังเร่งเจรจากับหุ้นส่วนอื่นๆ ผลงานที่น่าภูมิใจของเวียดนามคือ ได้ติดท็อป 32 ประเทศชั้นนำของโลกเกี่ยวกับขอบเขตของจีดีพีและท็อป 20 ของโลกที่มีขอบเขตการค้าและดึงดูดการลงทุนจากต่างประทเศมากที่สุด”
ควบคู่กันนั้น เวียดนามกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของฟันเฟืองสำคัญในตลาดระดับภูมิภาคและโลก โดยขยายความร่วมมือในด้านใหม่ๆ เข้าร่วมห่วงโซ่อุปทานอย่างลงลึกและยกระดับสถานะในระบบห่วงโซ่มูลค่าโลก ทั้งนี้ถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพภายในประเทศและวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งได้สร้างพื้นฐานที่มั่นคงช่วยให้เวียดนามมุ่งสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองใหม่
เวียดนาม – ที่พึ่งแห่งสันติภาพและการพัฒนา
ไม่เพียงแต่เป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจเท่านั้น แต่เวียดนามยังได้รับคำชื่นชมจากประชาคมระหว่างประเทศว่า เป็นพื้นที่สำหรับการแสวงหาสันติภาพและการพัฒนา จากเกียรติประวัติแห่งการใฝ่สันติภาพและประสบการณ์ที่เคยผ่านสงครามกู้ชาติหลายครั้ง เวียดนามยืนหยัดแก้ไขการพิพาทด้วยสันติวิธีอยู่เสมอ ให้ความเคารพต่อกฎหมายสากล ผลักดันความร่วมมือและการสนทนา นาย John McAuliff ซีอีโอของมูลนิธิไกล่เกลี่ยและพัฒนาสหรัฐให้ข้อสังเกตว่า แนวทางการทูตที่เน้นสันติและความเป็นมิตรคือพื้นฐานช่วยให้เวียดนามและประเทศต่างๆ ผลักดันการสนทนาและแก้ไขการพิพาทในฐานะประเทศคนกลางในการไกล่เกลี่ยและสร้างสรรค์สันติภาพในสภาพภูมิรัฐศาสตร์ใหม่
“เวียดนามมีสถานะพิเศษ คือได้รับความไว้วางใจจากทุกประเทศที่ไม่เคยสนับสนุนกัน และประเทศเหล่านี้ต่างสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกับเวียดนาม ในโลกที่มีหลายขั้ว เวียดนามสามารถดำรงบทบาทเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย ซึ่งถือเป็นความสมดุลที่เวียดนามสามารถสร้างสรรค์ได้ผ่านประสบการณ์ที่มีมายาวนานนับพันปี”
ภาพลักษณ์ทหารเวียดนามในหมวกเบเรต์สีเขียวที่แอฟริกาคือการพิสูจน์ให้เห็นถึงประเทศเวียดนามที่มีความรับผิดชอบและมนุษยธรรมดั่งข้อสังเกตของนาย Jean-Pierre Lacroix รองเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติที่ดูแลภารกิจของกองกำลังรักษาสันติภาพแห่งสหประชาชาติในกรอบการเยือนเวียดนามเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า
“เวียดนามได้แสดงให้เห็นถึงคำมั่นที่เข้มแข็งต่อสหประชาชาติ โดยเฉพาะในการเข้าร่วมภารกิจของกองกำลังรักษาสันติภาพ เราต่างเห็นทักษะและความเป็นมืออาชีพของกองกำลังรักษาสันติภาพของเวียดนามที่สามารถปรับตัวได้เป็นอย่างดีและเสร็จสิ้นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแม้กระทั่งต้องปฏิบัติภารกิจในสภาพแวดล้อมที่มีความโหดร้ายอย่างมากในหลายพื้นที่ ส่วนร่วมของกองกำลังรักษาสันติภาพเวียดนามได้ช่วยให้เราสร้างความแตกต่างให้แก่สันติภาพ โดยเฉพาะให้แก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะ”
การที่เวียดนามนับวันเข้าร่วมความคิดริเริ่มระดับโลกอย่างกว้างลึกมากขึ้น ทั้งในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงด้านพลังงานและอาหารไปจนถึงการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคระบาดและการกู้ภัยระหว่างประเทศในสถานที่เกิดภัยพิบัติได้แสดงให้เห็นถึงประเทศที่มีความรับผิดชอบและเต็มไปด้วยมนุษยธรรมในยุคใหม่ ในการย่างเข้าสู่ยุคใหม่ เวียดนามได้มีส่วนร่วมต่อสันติภาพ ความร่วมมือ การพัฒนาและความก้าวหน้าของมนุษยชาติอย่างไม่หยุดยั้ง นาย บุ่ยแทงเซิน เผยต่อไปว่า
“ปัจจุบันนี้ การผสมผสานเข้ากับกระแสโลกไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเข้าร่วมเท่านั้น แต่เป็นการกำหนดบทบาทของประเทศในฐานะผู้สร้างสรรค์ กำหนด และแนะแนวกรอบความร่วมมือที่สอดคล้องกับเงื่อนไขและทักษะความสามารถใหม่ของประเทศ”
ภายหลัง 80 ปีที่ได้รับการสถาปนา เวียดนามไม่เพียงแต่เป็นประเทศเอกราชและพึ่งตนเองเท่านั้น หากยังเป็นการพิสูจน์อย่างมีชีวิตชีวาเกี่ยวกับประชาชาติที่มีความรับผิดชอบและเป็นมนุษยธรรมเพื่อเป้าหมายร่วมของมนุษยชาติ จากการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชไปจนถึงเส้นทางแห่งการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกและพัฒนา เวียดนามกำลังยืนยันสถานะการเป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจและที่มั่นแห่งสันติภาพและการพัฒนาพร้อมกับความคาดหวังที่จะมีส่วนร่วมสร้างสรรค์โลกให้นับวันดีขึ้น.