4 มติยุทธศาสตร์ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศ

(VOVWORLD) - ด้วยความมุ่งมั่นและความตั้งใจในระดับสูง เวียดนามกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคแห่งการพัฒนาเจริญรุ่งเรืองและแข็งแกร่งของประชาชาติ โดยมีเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ คือในปี 2030 และปี 2045 ซึ่งเพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ ในช่วงเวลาสั้นๆ เวียดนามได้ประกาศใช้มติ 4 ฉบับโดยมีเนื้อหาที่เป็นก้าวกระโดดเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรอบด้านเกี่ยวกับแนวความคิด ความเข้าใจและปฏิบัติการ มติทั้ง 4 ฉบับนี้ถือเป็น “4 เสาหลัก” ของนโยบายที่จะช่วยให้ประเทศก้าวรุดหน้าต่อไป 
4 มติยุทธศาสตร์ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศ - ảnh 1การประชุมทั่วประเทศเกี่ยวกับการยืนหยัดปฏิบัติตามมตี่ 66 และมติที่ 68

 

ถึงแม้ว่า แต่ละมติจะเน้นในด้านเฉพาะ แต่มติทั้ง 4 ฉบับ ประกอบด้วยมติที่ 57 มติที่ 59 มติที่ 66 และมติที่ 68 ต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือ การสร้างพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อให้เวียดนามพัฒนาอย่างรวดเร็ว ยั่งยืน และกลายเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้สูงภายในปี 2045

มติที่ 57 กำหนดว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลเป็นเสาหลักแห่งการเติบโตใหม่ มติที่ 59 ขยายพื้นที่การพัฒนาผ่านการเดินหน้าผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างเข้มแข็ง มติที่ 66 กำหนดให้ปรับปรุงระเบียบการและกฎหมายให้สมบูรณ์ โปร่งใสและทันสมัย ค้ำประกันสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมือง และมติที่ 68 ส่งเสริมให้เศรษฐกิจภาคเอกชนกลายเป็นพลังขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ

การเปลี่ยนแปลงแนวความคิดครั้งใหญ่และครอบคลุม

เนื้อหาที่เป็นก้าวกระโดดของมติทั้ง 4 ฉบับคือแนวความคิดแห่งการพัฒนาใหม่ ตามความเห็นของดร. เหงียนห่งหาย จาก VinUniversity และเข้าร่วมโครงการทุนฟูลไบรท์ของสหรัฐ นี่คือการเปลี่ยนแปลงแนวความคิดครั้งใหญ่และครอบคลุมของเวียดนาม โดยสานต่อความสำเร็จของภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ในตลอด 40 ปีที่ผ่านมา และสอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลก

“การเปลี่ยนแปลงแนวความคิดนี้คือการเปลี่ยนแปลงที่เข้มแข็งและเคร่งครัด ซึ่งก่อนอื่นมาจากความต้องการพัฒนาประเทศ โดยเมื่อได้พัฒนาถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็ต้อทำการงเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนารุดหน้าต่อไป มิฉะนั้น เราจะหยุดนิ่งและมีความเสี่ยงที่จะถอยหลัง ดังที่เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม เคยกล่าวไว้หลายครั้ง  2 คือการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากความผันผวนทั้งในด้านการเมือง การทูต การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในภูมิภาคและโลก ”

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้ยังมาจากสถานการณ์ที่เป็นจริง ความต้องการที่เร่งด่วนในการนำประเทศก้าวรุดหน้าต่อไปอย่างรวดเร็วและเข้มแข็งตามแนวทางพัฒนาเป็นประเทศที่ทันสมัย ผสมผสานเข้ากับกระแสโลกและมติสำคัญต่างๆที่กำหนดการเปลี่ยนแปลงเชิงก้าวกระโดดด้วยวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุม

ยกตัวอย่างเช่น หลังจากได้ประกาศใช้มติที่ 68  ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้แสดงความเห็นว่า นี่คือการปฏิรูปเศรษฐกิจภาคเอกชนที่ข้มแข็งที่สุดนับตั้งแต่เวียดนามดำเนินกระบวนการโด๋ยเหมยหรือเปลี่ยนแปลงใหม่จนถึงปัจจุบัน โดยนี่เป็นครั้งแรกที่กรมการเมืองพรรคระบุอย่างชัดเชนว่า ต้อง “ขจัดอคติ” “ถือนักธุรกิจเป็นนักรบเศรษฐกิจ” และ “มอบกรรมสิทธิ์ และสิทธิในการแข่งขันที่แท้จริง” ให้เศรษฐกิจภาคเอกชนพัฒนา

มติที่ 68 กำหนดให้ขจัดอุปสรรคด้านกลไก เพื่อให้ตั้งแต่สถานประกอบการขนาดย่อมไปจนถึงเครือบริษัทรายใหญ่มีสิทธิในการแข่งขันอย่างเท่าเทียมกัน อีกก้าวกระโดดสำคัญที่ถูกระบุในมติที่ 68 คือการหลีกเลี่ยงการทำให้ปัญหาความขัดแย้งทางเศรษฐกิจเป็นคดีอาญา นี่คือสัญญาณและคำมั่นที่เข้มแข็งเกี่ยวกับ “การแก้ไขอุปสรรคด้านกลไก”

“มติที่ 68 ได้สร้างความคาดหวังให้แก่สถานประกอบการด้านการผลิตในการแก้ไขอุปสรรคเพื่อช่วยให้สถานประกอบการพัฒนา”

“มติที่ 68 ช่วยให้ภาคธุรกิจมีความมั่นใจมากขึ้น และทำให้มีความมุ่งมั่นมากขึ้นในการขยายการลงทุน พร้อมเสนอความคิดเริเริ่มหรือดำเนินโครงการใหม่ๆ ต่อไป”

“มติที่ 68 ได้แก้ไขปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่อย่างเด็ดขาด และเปลี่ยนแปลงระบบแนวความคิดและมาตรการแก้ไข การประกาศใช้มติที่ 68 นี้มีความเหมาะสมและทันเวลามาก เป็นก้าวพัฒนาที่แท้จริง”

ด้วยการตระหนักถึงการไม่ปล่อยให้แนวความคิดเดิมเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการพัฒนา มติที่ 57 ยังเปิดทางให้แถวขบวนปัญญาชนและผู้เชี่ยวชาญเวียดนามในต่างประเทศมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาประเทศด้วยกลไกและนโยบายที่เป็นก้าวกระโดดที่ไม่เคยมีมาก่อน ดร.เหงียนห่งหาย แสดงความเห็นว่า

“ผมเชื่อว่า ถ้าหากพลังที่เข้มแข็งทางสติปัญญาและแหล่งพลังทางเศรษฐกิจภาคเอกชนของชาวเวียดนามในต่างประเทศสอดคล้องกับพลังที่เข้มแข็งและแหล่งพลังภายในประเทศก็จะสร้างพลังที่แข็งแกร่งให้แก่การพัฒนาประเทศ เส้นทางและพื้นฐานที่ประเทศและประชาชาติเวียดนามเลือกปฏิบัติเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่แข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองจะทำให้กระบวนการนี้ดำเนินไปเร็วขึ้นและยั่งยืนมากขึ้น”

4 มติยุทธศาสตร์ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศ - ảnh 2เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม

การแปรความมุ่งมั่นอันแรงกล้าให้กลายเป็นปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม

ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมทั่วประเทศเกี่ยวกับการยืนหยัดปฏิบัติตามมติที่ 66 และมติที่ 68 เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ย้ำว่า ปี 2025 เป็นปีที่สำคัญในการเปิดศักราชใหม่ ในขณะที่การปฏิบัติเป้าหมายเป็นประเทศพัฒนาเหลือเพียง 2 ทศวรรษเท่านั้น ถ้าหากเวียดนามไม่ดำเนินการปฏิรูปอย่างเข้มแข็ง และสร้างก้าวกระโดดตั้งแต่บัดนี้ ก็จะพลาดโอกาสทองและเดินตามหลังในการแข่งขันระดับโลก

ตามความเห็นของเลขาธิการใหญ่พรรค เวียดนามได้มีความตระหนักรู้ แนวความคิดและวิสัยทัศน์แล้ว ดังนั้นจำเป็นต้องมีปฏิบัติการที่เด็ดขาดเพื่อแปรเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรม การประกาศใช้มติทั้ง 4  ฉบับนี้เป็นก้าวเดินแรกและก้าวเดินสูงสุดในการแปรความตระหนักรู้และวิสัยทัศน์ดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม

มติทั้ง 4 ฉบับไม่เพียงแต่กำหนดแนวทางเท่านั้น หากยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆอีกด้วย ถ้าหากกลไกไม่มีความโปร่งใสจะทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนเป็นเรื่องยาก วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะขาดสภาพแวดล้อมที่สร้างสรรค์ และการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกจะไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น มติทั้ง 4 ฉบับนี้จึงเป็น “4 เสาหลัก” เพื่อแปรความคาดหวังที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองและเข้มแข็งในยุคใหม่ให้เป็นรูปธรรม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด