(VOVWORLD) - บ่าเหรียะ หวุงเต่า ซึ่งปัจจุบันควบรวมกับนครโฮจิมินห์ ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในด้านชายหาดและสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเท่านั้น หากที่นี่ยังเป็นผืนแผ่นดินแห่งวัฒนธรรมที่มีโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ – ความเลื่อมใสศรัทธาและศาสนาที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้การท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณสามารถเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและความเลื่อมใสศรัทธาและได้กลายเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดใจ มีส่วนร่วมธำรงเอกลักษณ์วัฒนธรรมของประชาชาติและผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจ – สังคมของท้องถิ่น
 วัดเนียดบ่านติ๋งซ้า (phatgiao.org.vn) |
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่หวุงเต่าได้รับฉายาว่า “ผืนแผ่นดินของพระพุทธเจ้า และทะเล” ซึ่งบนยอดภูเขา “เลิ้น” หรือภูเขาใหญ่เป็นที่ตั้งของวัด ทิ๊กกาเฝิดด่าย ที่เหมือนไข่มุกเม็ดใหญ่ที่อยู่กลางป่าไม้เขียวขจี ทางขึ้นเป็นบันไดหินที่คดเคี้ยวทอดยาว สองข้างทางล้อมรอบด้วยป่าไม้ กลิ่นธูปลอยมาตามสายลมเหมือนเป็นการต้อนรับผู้แสวงบุญ พระพุทธรูปปางสมาธิใต้ต้นโพธิ์ถือเป็นที่ดึงดูดความสนใของนักท่องเที่ยวและผู้ที่มาทำบุญในการขอพร ต่อมาคือ วัดเนียดบ่านติ๋งซ้าหรือวัดนิพพานที่ตั้งบนภูเขา “หย่อ” หรือภูเขาน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดที่สวยงามที่สุดของหวุงเต่า
ส่วนวัดลิงห์เซินโก๋ตึอหรือวัดทองที่อยู่ในใจกลางแขวงหวุงเต่าคือแหล่งท่องเที่ยวที่ติด 1 ใน 100 แหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณของเวียดนาม โดยรัฐได้รับรองเป็นมรดกวัฒนธรรม – ประวัติศาสตร์แห่งชาติ โดยทุกปี นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงวสันตฤดู
"ฉันมักจะไปวัดแห่งนี้ในช่วงต้นปีใหม่เพื่อขอพรให้ประเทศมีสันติสุข ครอบครัวมีความสุข ประสบแต่โชคดี ลูกๆ เรียนเก่ง”
"ในช่วงต้นปีใหม่ ชาวพุทธหลั่งไหลมาไหว้พระขอพรที่วัดเพื่อขอให้ครอบครัวมีความสุขและทำบุญสักการะพระพุทธเจ้า”
นอกจากมีวัดวาอารามที่หลากหลาย บ่าเรียะ – หวุงเต่า ยังมีชื่อเสียงในการเป็นสถานที่ตั้งวิหารที่มีความผูกพันกับความเลื่อมใสศรัทธาและการบูชาบรรพบุรุษเพื่อแสดงความกตัญญูรู้คุณ โดยเฉพาะวิหาร บ่าหงูแห่ง ที่ตำบลลองหาย โดยในทุกๆ ปี เทศกาล “งิงโอง” ซึ่งเป็นเทศกาลเซ่นไหว้ปลาโอง และเทศกาล เวี้ยบ่า มักจะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวและชาวประมงนับพันคนเข้าร่วม
ท่ามกลางควันธูปในศาลเจ้า ทุกคนต่างขอพรให้มีโชคลาภ การจับปลาได้ผลดีและครอบครัวมีแต่ความสุขและความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งชาวหวุงเต่ามาที่ศาลเจ้าแห่งนี้นอกจากขอพรแล้วก็เพื่อแสดงความสำนึกในบุญคุณต่อผู้บุกเบิกและปกป้องผืนแผ่นดินแห่งนี้ โดยศาลเจ้าแห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในโบราณสถานที่เก่าแก่ที่สุดของภูมิภาค ซึ่งสะท้อนทั้งคุณค่าทางประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณ
 "บ้านใหญ่ลองเซิน" (VNA) |
หนึ่งในกลุ่มสถาปัตยกรรมโบราณที่มีลักษณะเฉพาะตัวอันโดดเด่นและมีคุณค่าทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่พร้อมกับความเลื่อมใสศรัทธาและจิตวิญญาณท้องถิ่น คือ "บ้านใหญ่ลองเซิน" ที่ถูกสร้างขึ้นโดยมีการผสมผสานระหว่างฟ้าและดินกับลัทธิขงจื๊อและลัทธิเต๋า รวมทั้งยังปฏิบัติตามความเลื่อมใสศรัทธาใน “หลักธรรมโองเจิ่น” ที่เป็นการผสมผสานระหว่างความเชื่อความเลื่อมใสพื้นบ้านต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นการเผยแพร่วิถีชีวิตแบบเรียบง่าย เสรี โดยไม่จำเป็นต้องตีระฆังหรือเคาะไม้ทุกวัน ไม่ต้องกินเจ และมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการนำพามนุษย์ไปสู่ “ความจริง – ความดี – ความงาม”
สิ่งที่ช่วยให้บ่าเหรียะ – หวุงเต่ากลายเป็นผืนแผ่นดินพิเศษในแผนที่ทางจิตวิญญาณของเวียดนามไม่เพียงแต่เพราะปัจจัย “อันศักดิ์สิทธิ์” เท่านั้น หากยังเพราะความกลมกลืนระหว่างมรดกทางจิตวิญญาณเหล่านี้กับธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น อนุสาวรีย์พระเยซูที่มีความสูง 32 เมตร บนยอดเขา “หญอ” ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองชายทะเลแห่งนี้ โดยเป็นทั้งสถานที่แสวงบุญของชาวคริสต์และจุดชมวิวสุดตระการตา
“สถาปัตยกรรมของอนุสาวรีย์นี้งดงามมาก เปี่ยมด้วยอำนาจของพระเยซู เดินขึ้นมาที่นี่อาจเมื่อยขา แต่ผมก็อยากสัมผัสประสบการณ์ จึงพยามยามเดินขึ้นมาจนถึงจุดนี้”
“อนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นจุดท่องเที่ยวพิเศษของหวุงเต่า ฉันอยากมาที่นี่เพื่อชมนครหวุงเต่าในมุมมองใหม่และถ่ายรูปสวยๆ”
สถานที่บางแห่งในหวุงเต่าทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของธรรมชาติ บางแห่งทำให้ผู้คนรู้สึกซาบซึ้งใจด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันลึกซึ้ง เช่น เมื่อเดินทางไปยังเกาะโกนด๋าว คุณจะสามารถสัมผัสกับธรรมชาติที่งดงามและความศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้ทุกคนนึกถึงอดีต โดยจุดหมายทางจิตวิญญาณเพื่อให้ชาวเวียดนามหลั่งไหลมาจุดธูปอย่างเช่นสุสานห่างเยืองและหลุมฝังศพของวีรสตรีหวอถิเส๊า ได้ช่วยให้ทุกคนตระหนักในความเชื่อมั่นความรักชาติและความหมายของประชาชาติที่สันติสุข ท่ามกลางชีวิตที่เร่งรีบและวุ่นวาย เกาะโกนด๋าวมีความเงียบสงบ การท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณไม่ใช่แค่เพื่อขอพรเท่านั้น แต่เพื่อเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ กับจิตวิญญาณของประเทศและกับจิตใจของเรา เพราะนักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ได้เที่ยวและชมวิวเท่านั้น หากยังได้รับฟังเรื่องราวต่างๆ ของผืนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ สัมผัสลมหายใจแห่งจิตวิญญาณ และซึมซับคุณค่าทางวัฒนธรรมอันยาวนานนับพันปีของผืนแผ่นดินแห่งนี้.