(VOVWORLD) - ท่ามกลางป่าเขาสูงตระหง่านสง่างาม เสียงพิณติ๋งไพเราะและเสียงร้องเพลงทำนองแทนก้องกังวานในหมู่บ้านของชนเผ่าไตและหนุ่งในจังหวัดท้ายเงวียน สำหรับชนเผ่าที่นี่ การร้องเพลงทำนองแทนไม่ใช่แค่เรื่องดนตรีเท่านั้น หากยังมีความทรงจำ จิตวิญญาณและสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน เมื่อปี 2019 การร้องเพลงทำนองแทนได้รับการรับรองเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติจากองค์การยูเนสโก ความภาคภูมิใจนี้เป็นการเริ่มต้นกระบวนการอนุรักษ์และสืบทอดการร้องเพลงทำนองแทนให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน
การร้องเพลงทำนองแทนและการเล่นพิณติ๋งเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวท้องถิ่น (Thái Nguyên TV) |
ตำบลเจอะโด่นเป็น “จุดเด่น” ในการขบวนการอนุรักษ์การร้องเพลงทำนองแทนในจังหวัดท้ายเงวียน ด้วยการจัดตั้งและธำรงสโมสรการร้องเพลงทำนองแทนและการเล่นพิณติ๋ง ปัจจุบัน ตำบลฯ มีสโมสร 8 แห่งซึ่งดึงดูดชาวบ้านเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสโมสรเสียงพิณติ๋งแห่งปิตุภูมิโดยมีสมาชิกหลากหลายวัยเกือบ 30 คน ซึ่งต่างมีความรักต่อการเล่นพิณติ๋งและร้องเพลงทำนองเพลงแทน นาง หวูถิเหลื่อง หัวหน้าสโมสรเสียงพิณติ๋งแห่งปิตุภูมิเผยว่า
“เราได้จัดทำโครงการแสดงศิลปะพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวในกิจกรรมประชาสัมพันธ์และอนุรักษ์เพลงพื้นเมืองของชนเผ่าตน เพื่อเผยแพร่ให้ผู้คนจำนวนมากได้เรียนรู้และร่วมกันอนุรักษ์เพลงพื้นเมือง”
แต่อย่างไรก็ตาม การร้องเพลงทำนองแทนมีความคึกคักมากขึ้นไม่เพียงแต่มีส่วนร่วมจากสโมสรและรายการศิลปะเท่านั้น หากยังมีส่วนร่วมจากชั้นเรียนที่สอนเด็กๆอีกด้วย ซึ่งทำให้การร้องเพลงแทนได้รับการสานต่อและฝังรากลึกในชีวิตชุมชนอย่างแท้จริง
ที่หมู่บ้านแห่งนี้ เด็กอายุเพียง 5-6 ขวบก็สามารถเล่นพิณติ๋งและร้องเพลงทำนองแทนได้ (Thái Nguyên TV) |
ในชั้นเรียนร้องเพลงทำนองแทนชนเผ่าไตของครู วันเตี๊ยนเขย ในตำบลเจอะโด่น เด็กๆ กำลังตั้งใจเรียน ด้วยความรักและความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ ในเวลาอันสั้น เด็กหลายคนสามารถจำเพลงแทนโบราณและเนื้อร้องแทนใหม่ๆ ได้
“ผมชอบวิชานี้มากที่สุด เพราะครูสอนอย่างใส่ใจ ผมอยากอนุรักษ์เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชนเผ่าตน”
“ตอนแรก ดิฉันคิดว่า การร้องเพลงทำนองแทนยากมาก แต่ค่อยๆ เรียนรู้จึงเห็นว่า ง่ายขึ้นและเข้าใจอย่างรวดเร็ว ในอนาคต ดิฉันจะพยายามสืบทอดให้แก่คนรุ่นหลังเพื่ออนุรักษ์เอกลักษณ์วัฒนธรรมของประชาชาติ”
การร้องเพลงทำนองแทนและการเล่นพิณติ๋งเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่น ดังนั้น ในหมู่บ้านวัฒนธรรมท้ายหาย ในตำบลเตินเกือง การร้องเพลงทำนองแทนจึงเป็นเสมือนลมหายใจแห่งชีวิต
ที่หมู่บ้านแห่งนี้ เด็กอายุเพียง 5-6 ขวบก็สามารถเล่นพิณติ๋งและร้องเพลงทำนองแทนได้ นาง เลถิหั่ง ชาวบ้านท้ายหายเล่าให้ฟังว่า
“เด็ก ๆ มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และมีความประสงค์ในการอนุรักษ์เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชนเผ่าตน ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก พวกเขาได้ยินพ่อแม่ร้องเพลงทำนองแทนต้อนรับแขกที่บ้าน หรือในงานสังสรรค์ในครอบครัว เมื่อโตขึ้น พวกเขาก็ได้รับการสืบทอดจากคุณยายและคุณแม่”
ในบ้านยกพื้นโบราณที่มีอายุนับร้อยปีที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ในป่า เด็กๆ มายืนล้อมศิลปินอาวุโสเพื่อดูการเล่นพิณติ๋ง นาง มาถิดั่ง ชาวบ้านท้ายหายเผยว่า
“ในหมู่บ้านมีเด็กประมาณ 30-40 คนซึ่งต่างรู้จักการเล่นพิณติ๋งและร้องเพลงทำนองแทน ดิฉันได้รับการสืบทอดการร้องเพลงทำนองแทนจากบรรพบุรุษ ดังนั้น ดิฉันจึงถ่ายทอดความรู้นี้ให้แก่ลูกหลานเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมการเล่นพิณติ๋งและการร้องเพลงทำนองแทนของชนเผ่าตน โดยไม่กำหนดกรอบเวลาในการสอน เมื่อเรามีเวลาว่างหรือในตอนเย็นก็จะสอนให้แก่เด็กๆ ซึ่งปฏิบัติมานานถึง 3 รุ่นแล้ว”
นาง เลถิหั่ง ชาวบ้านท้ายหาย (Thái Nguyên TV) |
ที่หมู่บ้านท้ายหาย การร้องเพลงทำนองแทนและการเล่นพิณติ๋งไม่เพียงแต่เป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมของชุมชนเท่านั้น หากชาวบ้านยังผสานศิลปะการร้องเพลงทำนองแทนกับการให้บริการการท่องเที่ยวอีกด้วย นักท่องเที่ยวมาที่นี่ไม่เพียงแต่มีโอกาสดื่มด่ำกับทัศนียภาพที่เงียบสงบเท่านั้น หากยังได้ฟังเสียงเพลงแทนอันไพเราะที่ก้องกังวาลในบ้านยกพื้นโบราณอีกด้วย นาง ด่าวถิลาน นักท่องเที่ยวจากกรุงฮานอยเล่าว่า
“ก่อนมาที่นี่ ดิฉันได้หาข้อมูลและตั้งตารอที่จะได้ฟังการร้องเพลงทำนองแทนและการเล่นพิณติ๋ง เพราะนี่เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของพื้นแผ่นดินนี้ เมื่อดิฉันได้ชมการแสดงของชาวบ้าน ดิฉันเห็นว่า การร้องเพลงทำนองแทนไพเราะมากและกลมกลืนกับทิวทัศน์อันเงียบสงบของที่นี่เป็นอย่างยิ่ง”
จากชั้นเรียนเล็กๆ ณ หอวัฒนธรรมเจอะโด่น การร้องเพลงทำนองแทนและการเล่นพิณติ๋งได้ขยายผลไปยังท้ายหายและท้องถิ่นหลายแห่งในจังหวัดท้ายเงวียน ซึ่งสร้างภาพลักษณ์ที่ชีวิตชีวาเกี่ยวกับกระบวนการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในท้ายเงวียน เสียงเพลงแทนและเสียงพิณติ๋งยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันเนื่องจากความรักต่อวัฒนธรรม ความผูกพันอันแข็งแกร่งของชุมชน และความภาคภูมิใจในชาติที่ได้รับการสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และเมื่อเสียงพิณติ๋งยังคงก้องกังวานท่ามกลางป่าเขาอันกว้างใหญ่ของเวียดบั๊ก และบทเพลงแทนยังคงได้รับการสานต่อโดยเด็กๆ มรดกนี้ก็จะยังคงได้รับการอนุรักษ์และสานต่อต่อไปเหมือนเป็นส่วนหนึ่งสำคัญของจิตวิญญาณของชนเผ่าไตและหนุ่งในท้ายเงวียน.