EU พยายามผลักดันความร่วมมือกับหุ้นส่วนการค้าในทั่วโลก

(VOVWORLD) -เมื่อวันที่ 3 กันยายน คณะกรรมาธิการยุโรปได้ให้สัตยาบันข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปกับกลุ่มตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่างหรือ MERCOSUR หลังชะงักงันมาเป็นเวลานาน ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวได้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่อียูกำลังผลักดันความร่วมมือกับหุ้นส่วนการค้าต่างๆเพื่อรับมือผลกระทบจากนโยบายด้านภาษีของสหรัฐ

สหภาพยุโรปหรือ EU  และกลุ่ม MERCOSUR เริ่มทำการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีมาตั้งแต่ปี 2000 แต่ความขัดแย้งภายในประเทศสมาชิกอียูทำให้กระบวนการเจรจาชะงักงันเป็นเวลานานก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเสร็จสิ้นการจัดทำร่างข้อตกลงเมื่อปีที่แล้ว

ข้อตกลงเชิงยุทธศาสตร์

การที่คณะกรรมาธิการยุโรปให้สัตยาบันข้อตกลงการค้าเสรี EU-MERCOSUR ถือเป็นการเสร็จสิ้นกระบวนการเจรจาที่ยาวนานที่สุดระหว่าง EU กับหุ้นส่วนการค้า ถ้าหากได้รับการอนุมัติจาก 27 ประเทศสมาชิกอียูและ 5 ประเทศสมาชิกกลุ่ม MERCOSUR ซึ่งประกอบด้วย บราซิล อาร์เจนตินา ปารากวัย อุรุกวัยและโบลิเวีย ข้อตกลงนี้จะช่วยจัดตั้งเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมประชากรประมาณ 700 ล้านคน สำหรับบรรดาประเทศสมาชิก MERCOSUR การเกษตรเป็นด้านที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด โดยสินค้าการเกษตรที่หลากหลายจากประเทศมหาอำนาจด้านการเกษตร เช่น บราซิลและอาร์เจนตินาจะสามารถส่งออกไปยังยุโรปด้วยอัตราภาษีต่ำที่กว่าและการกีดกันทางการค้าที่น้อยลง ในการกล่าวปราศรัยเมื่อวันที่ 3 กันยายน นาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปได้ยืนยันว่า บรรดาสถานประกอบการอียูและหน่วยงานสินค้าการเกษตรและอาหารของอียูจะได้รับผลประโยชน์จากการลดภาษีและต้นทุนในการส่งออกสินค้าไปยังเศรษฐกิจชั้นนำในภูมิภาคอเมริกาใต้

ตามข้อตกลงดังกล่าว บรรดาประเทศสมาชิก MERCOSUR จะลดภาษีสำหรับสินค้าที่นำเข้าจากอียูร้อยละ 91 ซึ่งประกอบด้วย รถยนต์ สารเคมี ไวน์ และช็อกโกแลต ที่กำลังถูกเก็บภาษีร้อยละ 35  ซึ่งข้อตกลงนี้จะช่วยให้ผู้ส่งออกของอียูลดต้นทุนด้านภาษีกว่า 4 พันล้านยูโรหรือคิดเป็น 4.6  พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเมื่อส่งออกสินค้าไปยังตลาดทวีปลาตินอเมริกา เพิ่มมูลค่าการส่งออกของอียูไปยังกลุ่ม MERCOSUR ขึ้นเป็นร้อยละ 39 คือประมาณ 5 หมื่น 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ ข้อตกลงการค้าเสรีกับกลุ่ม MERCOSUR สร้างความได้เปรียบให้แก่ยุโรปมากกว่าหุ้นส่วนเศรษฐกิจอื่นๆในสภาวการณ์ที่อียูถือการเพิ่มความหลากหลายเกี่ยวกับหุ้นส่วนการค้าเป็นยุทธศาสตร์หลักในเวลาที่จะถึงเพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านนโยบายในความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจกับหุ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดคือสหรัฐและจีน เมื่อวันที่ 3 กันยายน คณะกรรมาธิการยุโรปได้ยื่นข้อเสนอต่อคณะมนตรียุโรปเกี่ยวกับการลงนามและอนุมัติข้อตกลง MGA ระหว่าง EU   กับเม็กซิโก     นาย Maros Sefcovic กรรมการการค้าของยุโรปได้ประกาศว่า 

“นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับการปฏิบัตินโยบายด้านการค้าของอียู รวมทั้งอนาคตของกลุ่มอีกด้วย ข้อตกลง EU - MERCOSUR และข้อตกลง MGA ไม่เพียงแต่เป็นข้อตกลงการค้าเท่านั้น หากยังเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ช่วยกำหนดบทบาทของยุโรปในเศรษฐกิจโลกในช่วงอีกหลายทศวรรษที่จะถึง”

 ถ้าหากข้อตกลง MGA ได้รับการลงนาม EU จะได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมากจากตลาดที่มีประชากรกว่า 130 ล้านคนของเม็กซิโก ซึ่งเป็นเศรษฐกิจรายใหญ่อันดับ 2 ในภูมิภาคลาตินอเมริกาและเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับสองของอียูในภูมิภาคนี้ รองจากบราซิล ปัจจุบัน มูลค่าการแลกเปลี่ยนสินค้าและการบริการระหว่างสองฝ่ายจะอยู่ที่กว่า 8 หมื่น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีและสร้างงานทำกว่า 6 แสน 3 หมื่นตำแหน่งในยุโรป

 กลไกการคุ้มครองการเกษตร

แม้ได้รับการประเมินว่า มีความหมายเชิงยุทธศาสตร์กับ EU แต่ข้อตกลง EU - MERCOSUR จะต้องเผชิญกับความท้าทายไม่น้อยในกระบวนการให้สัตยาบันในแต่ละประเทศสมาชิกอียู ตามข้อกำหนดของ EU การอนุมัติข้อตกลงการค้าเสรีต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากรัฐสภายุโรปหรือ EP และ 15 ประเทศในจำนวนทั้งหมด 27 ประเทศสมาชิกหรือคิดเป็นอย่างน้อยร้อยละ 65 ของประชากรของ EU  ปัจจุบัน ประเทศสมาชิก EU ส่วนใหญ่สนับสนุนข้อตกลงนี้ รวมทั้งเยอรมนี ซึ่งเป็นเศรษฐกิจรายใหญ่ที่สุดของ EU และสเปน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจและการค้าที่ใกล้ชิดที่สุดกับทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งประเทศเหล่านี้เห็นว่า ข้อตกลง EU-MERCOSUR จะช่วยลดความเสียหายด้านเศรษฐกิจให้แก่ EU เนื่องจากนโยบายด้านภาษีของสหรัฐ ลดการพึ่งพาตลาดจีน โดยเฉพาะด้านแร่ธาตุและวัตถุดิบที่จำเป็น

แต่อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสและโปแลนด์ ซึ่งเป็นสองเศรษฐกิจรายใหญ่ของ EU กำลังคัดค้านข้อตกลงนี้ด้วยเหตุผลว่า สินค้าการเกษตรราคาถูกและตอบสนองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมในระดับต่ำของบรรดาประเทศ MERCOSUR อาจสร้างความเสียหายต่อภาคการเกษตรของยุโรป ทั้งฝรั่งเศสและโปแลนด์เคยประกาศหลายครั้งว่า ข้อกำหนดของข้อตกลงดังกล่าวไม่สามารถยอมรับได้และขู่ว่า จะขัดขวางข้อตกลงนี้ถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดด้านการเกษตรแม้ฝรั่งเศสได้ผ่อนปรนจุดยืนเกี่ยวกับปัญหานี้ในเวลาที่ผ่านมา ดังนั้น การขัดขวางที่ใหญ่ที่สุดจึงมาจากการคัดค้านของโปแลนด์ 

เพื่อลดความวิตกกังวลของภาคการเกษตรของยุโรป คาดว่า คณะกรรมาธิการยุโรปจะจัดทำข้อตกลงเพิ่มเติมกับกลุ่ม MERCOSUR เพื่อเพิ่มมาตรการคุ้มครองผลิตภัณฑ์ต่างๆของยุโรป พร้อมทั้งให้คำมั่นว่า จะทำการแทรกแซงถ้าหากการนำเข้าส่งผลกระทบในทางลบต่อภาคอุตสาหกรรมบางสอย่างเช่นการผลิตเนื้อวัว ปศุสัตว์ น้ำตาลและเอทานอล แต่อย่างไรก็ดี นอกจากการคัดค้านจากรัฐบาลของบางประเทศสมาชิกแล้ว EU ต้องหาทางเพื่อลดการคัดค้านของสมาคมการเกษตรยุโรปที่เห็นว่า ข้อตกลงนี้ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของเกษตรกรในยุโรป.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด