(VOVWORLD) - การปะทะที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 18 เดือนในฉนวนกาซากำลังเข้าสู่ระยะใหม่ที่รุนแรงมากขึ้นหลังจากที่เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม รัฐบาลอิสราเอลได้ประกาศว่า จะเริ่มยุทธนาการทางทหารที่เข้มข้นเพื่อควบคุมพื้นที่ทั้งหมดในฉนวนกาซา ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้อาจทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางที่กำลังไร้เสถียรภาพเพิ่มความซับซ้อนมากขึ้น
นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศเพิ่มปฏิบัติการทางทหารครั้งใหม่ในฉนวนกาซา (THX) |
ในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้ประกาศว่า จะเปิดการโจมตีครั้งใหม่ในฉนวนกาซา โดยถือเป็นระยะต่อไปของการปะทะด้วยเป้าหมายใหม่
แผนการใหม่ของอิสราเอล
สัญญาณที่บ่งบอกถึงยุทธนาการทางหารครั้งใหญ่ของอิสราเอลต่อฉนวนกาซาปรากฏขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อกองทัพอิสราเอลระดมกองกำลังทหารสำรองหลายหมื่นนาย และจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินเมื่อคืนวันที่ 4 พฤษภาคม โดยที่ประชุมได้อนุมัติแผนการขยายยุทธนาการทางทหารภาคพื้นดินของอิสราเอล โดยมีเป้าหมายทำการกวาดล้างกลุ่มฮามาส รักษาการควบคุมพื้นที่ต่างๆและย้ายประชาชนในฉนวนกาซาไปยังทิศใต้ คณะรัฐมนตรีอิสราเอลยังอนุมัติความเป็นไปได้ในการประสานการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม สิ่งที่น่าสังเกตและน่ากังวลที่สุดในแผนการใหม่ของอิสราเอลในฉนวนกาซาคือความตั้งใจระยะยาวของอิสราเอลต่อฉนวนกาซา โดยในคำประกาศเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม นาย เบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอิสราเอล ซึ่งมีทัศนะที่แข็งกร้าวได้ประกาศว่า อิสราเอลจะยึดครองฉนวนกาซาถึงแม้ว่าจะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการปล่อยตัวประกันก็ตาม ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่านายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮูจะไม่กล่าวโดยตรงถึงการยึดครองฉนวนกาซาอย่างไม่มีกำหนด แต่ได้กล่าวว่า กองทัพอิสราเอลจะปฏิบัติยุทธนาการที่มีความแตกต่างจากเมื่อก่อน
นอกจากแผนการทางทหารใหม่แล้ว แหล่งข่าวต่าง ๆ ในตะวันออกกลางยังรายงานว่า นายกรัฐมนตรีอิสราเอลยังคงสนับสนุนข้อเสนอของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะย้ายประชาชนในฉนวนกาซาไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วยความสมัครใจ เช่น จอร์แดนและอียิปต์ ซึ่งการเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้เผชิญกับท่าที่คัดค้านจากหลายฝ่าย เช่น กระทรวงการต่างประเทศของหลายประเทศในยุโรปได้เผยว่า ยุทธนาการทางทหารครั้งใหม่ในฉนวนกาซาจะไม่เกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ในขณะเดียวกัน สหประชาชาติเตือนว่า ยุทธนาการทางทหารครั้งใหม่จะทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาเลวร้ายยิ่งขึ้น นาย ฟาร์ฮาน ฮัก รองโฆษกของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติประกาศว่า
“เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติมีความกังวลเป็นอย่างมากต่อรายงานเกี่ยวกับแผนการของอิสราเอลในการขยายปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินและขยายระยะเวลาการปรากฎตัวของทหารในฉนวนกาซา ซึ่งสิ่งนี้จะนำไปสู่การสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก และโครงสร้างพื้นฐานของฉนวนกาซาถูกทำลาย ฉนวนกาซ่าต้องเป็นส่วนหนึ่งของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต”
แผนการทางทหารใหม่ของอิสราเอลได้รับการประกาศในช่วงเวลาที่องค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งประเมินว่า วิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซากำลังจะอยู่ในระดับเลวร้ายเกินกว่าที่จะยอมรับได้ ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม สำนักงานเพื่อการประสานงานกิจกรรมด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ OCHA ระบุว่า แหล่งอาหาร น้ำดื่ม ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์กำลังจะหมดลง ซึ่งส่งผลให้ผู้คนหลายล้านคนตกเข้าสู่ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
ทหารอิสราเอลในฉนวนกาซา (THX) |
ความตึงเครียดในสนามรบหลายแห่ง
ตามความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ แผนการทางทหารใหม่ของอิสราเอลในฉนวนกาซาได้รับการเตรียมมาเป็นเวลาหลายเดือน และการเลือกเวลาในการประกาศแผนการนี้ก่อนที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินทางไปเยือนตะวันออกกลางซึ่งจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 13-16 พฤษภาคม แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลอิสราเอลต้องการโน้มน้าวให้ทางการสหรัฐดำเนินการตามแผนการเกี่ยวกับฉนวนกาซาที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือการย้ายพลเมืองในฉนวนกาซาทั้งหมดไปยังประเทศอื่น นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวทางทหารของอิสราเอลมีขึ้นในช่วงที่อิสราเอลและสหรัฐกำลังเผชิญความตึงเครียดในสนามรบหลายแห่ง รวมถึงการโจมตีของกลุ่มฮูธิในเยเมน ตลอดจน คำขู่ว่าโจมตีและตอบโต้กันระหว่างสหรัฐและอิสราเอลต่ออิหร่าน ในสภาวการณ์ที่การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านในปัจจุบันประสบความล้มเหลว
อีกเหตุการณ์ที่น่าจับตามองคือเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม กลุ่มฮูธิยิงขีปนาวุธใส่สนามบินนานาชาติเบนกูเรียนในภาคกลางของอิสราเอล ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่ากลุ่มฮูธิได้โจมตีดินแดนอิสราเอลหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ขีปนาวุธของกลุ่มนี้ได้ประสบความสำเร็จในการบินผ่านระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลและสหรัฐเพื่อโจมตีสถานที่สำคัญของอิสราเอล ตามความเห็นของบรรดาผู้สังเกตการณ์ การเคลื่อนไหวนี้อาจทำให้อิสราเอลเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารที่รุนแรงมากขึ้นเพื่อโจมตีกลุ่มฮูธิและอิหร่าน โดยเฉพาะ เมื่อสมาชิกในทีมของทางการของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ มีท่าทีที่แข็งกร้าวต่ออิหร่าน ดังนั้น ยุทธนาการทางทหารครั้งใหม่ในฉนวนกาซาอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการปะทะครั้งใหม่ที่บานปลายมากขึ้นในตะวันออกกลาง เมื่ออิสราเอลกำลังพยายามใช้ความได้เปรียบทางทหารและการสนับสนุนจากสหรัฐ ทั้งนี้ ความกังวลนี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนการทางทหารใหม่ของอิสราเอลในฉนวนกาซา โดยกล่าวแต่เพียงว่า สหรัฐจะช่วยจัดสรรอาหารให้แก่ประชาชนในฉนวนกาซา ส่วนตามความเห็นของนาง เอ็มมา แอชฟอร์ด นักวิจัยจากศูนย์ Stimson ประเทศสหรัฐ สำหรับปัญหาอิสราเอล นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องเผชิญแรงกดดันภายในประเทศเป็นอย่างมาก
“ผู้ที่สนับสนุนนาย โดนัลด์ ทรัมป์ จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษาในทำเนียบขาวหรือสมาชิกของพรรครีพับลิกันต่างสนับสนุนอิสราเอลเกี่ยวกับปัญหาฉนวนกาซา อิหร่านและตะวันออกกลาง มากกว่าที่พวกเขาสนับสนุนนาย ทรัมป์ หรือนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน”
ตามความเห็นของบรรดาผู้สังเกตการณ์ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าถือ เป็น “ช่วงเวลาอันตราย” ในตะวันออกกลาง เนื่องจากเป็นช่วงที่อิสราเอลเปิดยุทธนาการทางทหารครั้งใหม่ในฉนวนกาซาตรงกับช่วงเวลาที่การเจรจาด้านนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านจำเป็นต้องบรรลุความคืบหน้า มิฉะนั้น ทางการสหรัฐอาจต้องใช้มาตรการทางทหารตามที่ได้ขู่ไว้ก่อนหน้านี้.