ความแตกต่างด้านสิทธิมนุษยชนควรได้รับการแลกเปลี่ยนอย่างตรงไปตรงมา

(VOVworld) – เมื่อวันที่๗ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการต่างประเทศแห่งสภาล่างสหรัฐได้อนุมัติ“ร่างรัฐบัญญัติสิทธิมนุษยชนเวียดนาม”โดยมีข้อมูลที่ผิดพลาดและขาดภาวะวิสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติสิทธิมนุษยชนในเวียดนามซึ่งไม่สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม

ความแตกต่างด้านสิทธิมนุษยชนควรได้รับการแลกเปลี่ยนอย่างตรงไปตรงมา - ảnh 1
นักการทูตเวียดนามในฟอรั่มสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ
(Photo:Internet) )

(VOVworld) – ถึงแม้เวียดนามและสหรัฐจะมีความแตกต่างกันในด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้แต่ก็มิใช่หมายความว่า เวียดนามไม่เคารพสิทธิมนุษยชน เมื่อเร็วๆนี้ ในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนาม นายĐặng Dũng Chí รองหัวหน้าสถาบันวิจัยสิทธิมนุษยชนแห่งสถาบันการเมืองรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์ได้กล่าวว่า หลังจากที่เข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติเมื่อปี๑๙๗๗ เวียดนามได้ให้ภาคยานุวัติอนุสัญญาสากลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนฉบับต่างๆซึ่งในปัจจุบันคือภาคีอนุสัญญาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามได้ปฏิบัติภาระหน้าที่ตามภาคีญญาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนต่างๆอย่างลุล่วงไปด้วยดี และเมื่อเดือนกันยายนปี๒๐๐๙ เวียดนามได้จัดทำรายงานเพื่อเสนอต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โดยเฉพาะ ในยุคเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ เวียดนามนับวันยิ่งให้ความสำคัญต่อการร่างและปรับปรุงกฏหมายให้มีความสมบูรณ์ตามแนวทางปกป้องสิทธิมนุษยชนให้นับวันยิ่งดีขึ้น ในทางเป็นจริงสิทธิมนุษยชนในเวียดนามนับวันยิ่งได้รับการขยายและยกระดับ นายĐặng Dũng Chí กล่าวว่า “ถ้าหากเปรียบเทียบกับมาตรฐานเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เวียดนามได้ประสบผลสำเร็จด้านสิทธิมนุษยชนเพราะประชาชนนับวันมีสิทธิมากขึ้นทั้งในด้านกิจกรรมเศรษฐกิจ การเลือกที่อยู่อาศัย  ที่ทำงาน การออกเดินทางไปต่างประเทศและกลับประเทศอย่างเสรี มีความเสมอภาค มีสิทธิในการแสดงทัศนะตามกลไกสื่อสาร มวลชน มีสิทธิในการเปิดโปงและร้องเรียนการกระทำผิดของทางการปกครองทุกระดับ มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและจากการที่ชีวิตเศรษฐกิจและสังคมได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นก็ช่วยผลักดันให้สิทธิด้านการศึกษา การเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุข สิทธิได้รับการปกป้องคุ้มครอง และสิทธิในการได้อาศัยในสภาพแวดล้อมที่สะอาดที่ได้รับการส่งเสริมซึ่งประชาชนทั่วประเทศ รวมทั้งในเขตทุรกันดารต่างก็ได้รับสิทธิดังกล่าว ” นอกจากนี้ ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามยังได้รับการชื่นชมว่า มีความพยายามช่วยให้ประชาคมระหว่างประเทศเข้าใจสิทธิมนุษย์ชนในเวียดนามมากขึ้น นายĐặng Dũng Chí กล่าวว่า“เวียดนามนับวันยิ่งทำการสนทนากับประเทศและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนมากขึ้นในรูปแบบต่างๆเช่น การสนทนาระดับรัฐ รัฐบาล สมาชิกรัฐสภาและองค์การประชาชนซึ่งหมายความว่า พวกเราพร้อมที่จะรับมือกับทุกปัญหาที่องค์การระหว่างประเทศ กลุ่มบุคคลและประเทศต่างๆเสนอต่อเวียดนามโดยไม่หลีกเลี่ยงปัญหาหนึ่งปัญหาใดซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากเพราะการสนทนาได้ช่วยให้ประชาคมโลกเข้าใจปัญหาต่างๆที่พวกเขาให้ความสนใจ รวมทั้งปัญหาที่เวียดนามกำลังให้ความสนใจ” ปัญหาสิทธิมนุษยชนมีความแตกต่างเนื่องจากระดับการพัฒนาและเงื่อนไขที่เป็นจริงของแต่ละประเทศแต่เวียดนามพร้อมที่จะร่วมมือและสนทนากับองค์การระหว่างประเทศและประเทศต่างๆ รวมทั้งสหรัฐเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความแตกต่างในทุกปัญหามิใช่เพียงแต่ปัญหาที่เกี่ยวข้องถึงสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่การสนทนาและความร่วมมือระหว่างประเทศทางด้านสิทธิมนุษยชนต้องยึดมั่นบนพื้นฐานของความเสมอภาค ให้ความเคารพซึ่งกันและกันและไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันเพื่อเป้าหมายร่วมคือปกป้องและผลักดันสิทธิมนุษยชนให้นับวันยิ่งดีขึ้น การที่คณะกรรมาธิการต่างประเทศของสหรัฐอนุมัติร่างรัฐบัญญัติสิทธิมนุษยชนเวียดนามโดยมีข้อมูลที่ขาดภาวะวิสัยจึงถือเป็นการกระทำที่ขาดความหวังดีและเป็นการเดินทวนความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐที่กำลังพัฒนาอย่างดีงามในปัจจุบันซึ่ง ประชามติเห็นว่า ความแตกต่างระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในด้านสิทธิมนุษยชนควรได้รับการแลกเปลี่ยนอย่างตรงไปตรงมาบนเจตนารมณ์แห่งการสร้างสรรค์ ให้ความเคารพซึ่งกันและกันเพื่อขยายความเข้าใจกันและมีส่วนร่วมผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศซึ่งจะดีกว่าการกระทำเชิงยัดเยียดและแทรกแซงกิจการภายในของเวียดนาม./.

                                                                                         

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด