ประธานโฮจิมินห์เปิดการอบรมเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่อง “ให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้รับการศึกษา”(Sách Bác Hồ với giáo dục.)

1 วันหลังการสถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามเมื่อวันที่ 2 กันยายนปี 1945 รัฐบาลเฉพาะกาลได้จัดการประชุมนัดแรก โดยในสภาวการณ์ที่มีประชากรกว่าร้อยละ 90 ไม่รู้หนังสือ ประธานโฮจิมินห์ได้ระบุว่า การแก้ปัญหาการไม่รู้หนังสือเป็นหนึ่งในหน้าที่เร่งด่วนของประเทศ

ให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้รับการศึกษาเพื่อแก้ปัญหาการไม่รู้หนังสือ

ทั้งนี้ การเปิดการรณรงค์ขบวนการ “ให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้รับการศึกษา”เป็นการปฏิบัตินโยบายอย่างเร่งด่วน ซึ่งสร้างแรงจูงใจและได้รับการปฏิบัติอย่างกว้างขวางในทั่วประเทศ โดยในรอบ 1 ปี ได้มีการเปิดชั้นเรียน 75,000 แห่งภายใต้การแนะนำของคุณครู 95,000 คน ช่วยให้ประชาชนกว่า 2.5 ล้านคนสามารถอ่านออกเขียนได้ ซึ่งนี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับการส่งเสริมการศึกษา สะท้อนความรักชาติ ความสามัคคี ความมุ่งมั่นและใฝ่การศึกษาของประชาชนทั่วประเทศ ต่อมาเมื่อปี 1959 จังหวัดต่างๆในเขตที่ราบลุ่ม เขตเขาและภูดอยในภาคเหนือทั้งหมดได้บรรลุเป้าหมายการแก้ปัญหาการไม่รู้หนังสือให้แก่ประชาชนในวัย 12-50 ปีและจนถึงปลายปี 1965 ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขในขั้นพื้นฐานในจังหวัดเขตเขาภาคเหนือ

การจัดแสดงเกี่ยวกับเรื่อง “ให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้รับการศึกษา” (Bảo tàng Lịch sử quốc gia)

ขบวนการ “ให้การศึกษาประชาชนทุกหมู่เหล่า” ไม่เพียงแต่มีส่วนร่วมแก้ปัญหาการไม่รู้หนังสือเท่านั้น หากมีส่วนร่วมยกระดับการศึกษา ปลุกเร้าจิตใจแห่งความภาคภูมิใจในชาติ เสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อบทบาทการนำของพรรค ซึ่งนี่เป็นจุดเริ่มต้นและเป็นพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่การศึกษาปฏิวัติและการพัฒนาประเทศในตลอด 80 ปี นาย เหงวียนวันดว่าน ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งกำลังจัดนิทรรศการ “ให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้รับการศึกษา – จุดประกายแห่งอนาคต” ได้ยืนยันว่า

“ขบวนการนี้ไม่เพียงแต่รณรงค์ให้ประชาชนทุกคนตั้งใจเรียนหนังสือเท่านั้น หากยังปลุกเร้าจิตใจของพลเมืองในการพึ่งตนเอง พยายามฟันฝ่าอุปสรรคและความสามัคคีชนในชาติ การฝึกฝนหล่อหลอมตนเองเพื่อเป็นพลเมืองที่ดี รับใช้ประเทศและเป็นการยืนยันเกี่ยวกับองค์ความรู้และการศึกษาที่ยังทรงคุณค่าในภารกิจการพัฒนาประเทศในปัจจุบัน”

สร้างสรรค์การศึกษาในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก

ทั้งนี้ จากห้องเรียนที่ขาดแคลนอุปกรณ์การศึกษาหลายอย่างในช่วงสงคราม ระบบการศึกษาเวียดนามนับวันพัฒนาตามแนวทางที่ทันสมัยและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึก ท่ามกลางการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 และการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย หน่วยงานการศึกษาได้ยืนยันถึงบทบาทที่สำคัญในการพัฒนามนุษย์ ยกระดับการศึกษาและอบรมบ่มเพาะผู้ที่มีความสามารถนาย เหงวียนกิมเซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาและฝึกอบรมได้เผยว่า การศึกษาได้รับความสนใจผลักดันจากพรรคและรัฐและได้รับความคาดหวังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกรมการเมืองพรรคได้ประกาศมติที่ 71 เกี่ยวกับก้าวกระโดดในการพัฒนาการศึกษาและฝึกอบรม ซึ่งนี่เป็นพื้นฐานทางการเมืองที่สำคัญเพื่อผลักดันภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่การศึกษาและฝึกอบรมขั้นพื้นฐานในรอบด้าน

เกษตรกรเรียนหนังสือบนทุ่งนา (nhandan.vn)

ควบคู่กันนั้น โครงการเป้าหมายแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนากรศึกษาและฝึกอบรมกำลังได้รับการจัดทำ กฎหมายสำหรับครูอาจารย์ กฎหมายการศึกษา กฎหมายการศึกษาระดับอุดมศึกษาและกฎหมายอาชีวศึกษาฉบับแก้ไขจะได้รับการประกาศใช้ภายในปีนี้ ซึ่งสร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่การพัฒนาการศึกษาให้ทันสมัย พร้อมเพรียงและมีประสิทธิภาพ โดยการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล การประยุกต์ใช้ AI และการศึกษา STEM ซึ่งเป็นการบูรณาการความรู้ระหว่าง 4 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) กำลังสร้างโอกาสให้แก่การยกระดับคุณภาพและการเปลี่ยนแปลงใหม่การศึกษาในรอบด้านและปีนี้ก็เป็นปีแรกที่ปฏิบัตินโยบายยกเว้นค่าเล่าเรียนให้แก่นักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วประเทศ

ในจดหมายที่ส่งถึงหน่วยงานการศึกษาในโอกาสเปิดเทอมปีการศึกษา 2025-2026 ประธานประเทศเลืองเกื่องได้แสดงความเชื่อมั่นว่า นักเรียนและนักศึกษาจะมีความมุ่งมั่นและความคาดหวังเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ประเทศให้เจริญรุ่งเรือง หน่วยงานการศึกษาจะมุ่งสู่เป้าหมายสร้างสรรค์และพัฒนามนุษย์ในรอบด้านทั้งมีความรู้ จริยธรรม ทักษะ ความมุ่งมั่นและความคาดหวังเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมเพื่อตอบสนองความต้องการพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วและยั่งยืนในศักราชแห่งการผงาดของประชาชาติเวียดนาม.