ติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียนช่วยยกระดับสถานะของกลุ่มอาเซียน

(VOVWORLD) - วันที่ 26 ตุลาคมเป็นนิมิตหมายทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มอาเซียนเมื่อติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 11 ของอาเซียนอย่างเป็นทางการ ช่วยให้อาเซียนกลายเป็นกลุ่มที่มีทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วม ซึ่งช่วยสร้างแรงกระตุ้นใหม่ให้แก่อาเซียนในอนาคต

ติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียนช่วยยกระดับสถานะของกลุ่มอาเซียน - ảnh 1นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายกรัฐมนตรีติมอร์-เลสเตและเลขาธิการอาเซียน ณ พิธีประกาศการรับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 11 ของอาเซียนเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม (REUTERS/Chalinee Thirasupa)

ในฐานะเป็นรัฐอธิปไตยรัฐแรกในศตวรรษที่ 21 ติมอร์-เลสเตได้รับเอกราชเมื่อปี 2002 และถึงปี 2011 ก็ยื่นเอกสารสมัครเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียนและกลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการในอีก 14 ปีต่อมา

เส้นทางประวัติศาสตร์ของติมอร์-เลสเต

พิธีลงนามแถลงการณ์รับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียนได้มีขึ้น ณ การประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 47 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียเมื่อเช้าวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งเป็นนิมิตหมายทางประวัติศาสตร์ของการเพิ่มจำนวนสมาชิกครั้งแรกของอาเซียนในศตวรรษที่ 21 และเป็นองค์กรแรกที่มีทั้ง 11 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วม ในการกล่าวปราศรัยในพิธี นาย อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ยืนยันว่า การที่ติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียนนั้นมีความหมายใหม่ต่อวิสัยทัศน์ของกลุ่ม ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงเป้าหมายในระยะยาวของอาเซียนคือ สร้างสรรค์ภูมิภาคที่สันติภาพ เสถียรภาพ ยั่งยืนและเจริญรุ่งเรือง

“การเข้าเป็นสมาชิกของติมอร์-เลสเตช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของครอบครัวอาเซียนและเป็นการยืนยันอีกครั้งถึงการมีอนาคตร่วมกันและการตระหนักได้ดีเกี่ยวกับความสามัคคีของเราในภูมิภาค เป็นสมาชิกของอาเซียน การพัฒนาและอำนาจอธิปไตยเชิงยุทธศาสตร์ของติมอร์-เลสเตจะได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน”

สำหรับติมอร์-เลสเต ซึ่งเป็นประเทศที่มีอายุน้อยที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การที่ได้เป็นสมาชิกนั้นถือเป็นการเสร็จสิ้นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่ที่ได้รับเอกราช หลังจากที่ประเทศนี้ยื่นเอกสารสมัครเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนเมื่อปี 2011 ก็ได้มีการประเมินความพร้อมของติมอร์-เลสเตเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมือง ทักษะความสามารถในด้านเศรษฐกิจและการเตรียมความพร้อมของระบอบการปกครอง และถึงปี 2015 ติมอร์-เลสเตได้บรรลุ 3 เงื่อนไขหลัก คือ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการรับรองจากทุกประเทศสมาชิกอาเซียนและมีการตั้งสถานทูตในทุกประเทศอาเซียน

ในการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 40 ณ ประเทศกัมพูชาเมื่อปี 2022 ผู้นำทุกประเทศได้เห็นพ้องสนับสนุนหลัการรับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกที่ 11 ของกลุ่มและอาเซียนให้สถานะเป็นผู้สังเกตการณ์แก่ติมอร์-เลสเต ซึ่งทำให้ติมอร์-เลสเตสามารถเข้าร่วมทุกการประชุมของอาเซียน ในวาระที่ดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนอาเซียน 2025 ของมาเลเซีย ความพยายามผลักดันการรับติมอร์-เลสเตเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการได้รับการเสริมสร้าง โดยมีการค้ำประกันให้ติมอร์-เลสเตสามารถเสร็จสิ้นขั้นตอนและตอบสนองคำมั่นที่จำเป็นใน 3 เสาหลักของอาเซียน คือ การเมือง – ความมั่นคง เศรษฐกิจและวัฒนธรรม – สังคม การเข้าเป็นประเทศสมาชิกลำดับที่ 11 ของอาเซียนได้ช่วยเปิดอนาคตอันสดใสเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจและการผสมผสานเข้ากับกระแสภูมิภาคและโลกแก่ติมอร์-เลสเต นาย ซานานา กุสเมา นายกรัฐมนตรีติมอร์-เลสเต กล่าวว่า

“สำหรับประชาชนติมอร์-เลสเต นี่ไม่ใช่ความฝันอีกแล้ว เพราะมันได้กลายเป็นเรื่องจริง ซึ่งเป็นการยืนยันอย่างเข้มแข็งต่อกระบวนการที่กล้าหาญ ความมุ่งมั่นตั้งใจและความหวังของพวกเรา สำหรับอาเซียน นี่คือการสานต่อวิสัยทัศน์เกี่ยวกับครอบครัวที่สมาชิกมีความสามัคคีกันอย่างแท้จริง มีความผูกพันเนื่องจากคุณค่า ความหวังและอนาคตร่วมกัน”

ติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียนช่วยยกระดับสถานะของกลุ่มอาเซียน - ảnh 2นาย ซานานา กุสเมา นายกรัฐมนตรีติมอร์-เลสเต (REUTERS/Chalinee Thirasupa)

ยกระดับสถานะของอาเซียน

สำหรับอาเซียน การรับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกไม่เพียงแต่เป็นการขยายพื้นที่ภูมิศาสตร์การเมืองและเศรษฐกิจของกลุ่มเท่านั้น หากยังแสดงให้เห็นถึงจิตใจแห่งความเชื่อมโยงและแบ่งปันในกระบวนการพัฒนาของภูมิภาคอาเซียน คุณ Beni Sukadis ที่ปรึกษาระดับสูงของสถาบันวิจัยกลาโหมและยุทธศาสตร์อินโดนีเซียได้ประเมินว่า การรับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกนั้นเป็นนิมิตหมายแห่งความคลอบคลุมและชื่อเสียงของอาเซียน เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงคำมั่นเกี่ยวกับความสามัคคีภายในกลุ่มและวิสัยทัศน์เกี่ยวกับประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จริงจัง สำหรับติมอร์-เลสเต การเป็นสมาชิกอาเซียนนั้นได้ช่วยเปิดประตูแห่งการผสมผสานด้านเศรษฐกิจ ยกระดับสถานะทางการทูตและโอกาสเข้าร่วมกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคอย่างกว้างลึกมากขึ้น ในด้านยุทธศาสตร์ นาย Marty Natalegawa อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียกล่าวว่า การเป็นสมาชิกลำดับที่ 11 นั้นไม่เพียงแต่ช่วยให้อาเซียนขยายพื้นที่ไปยังทางทิศตะวันออกเท่านั้น หากยังเป็นการขยายจิตใจแห่งความร่วมมือและการแบ่งปัน มุ่งสู่การสร้างสรรค์ประชาคมที่คลอบคลุม โดยทุกประเทศสมาชิกจะร่วมกันสร้างสรรค์อนาคต ในอดีต อาเซียนเคยเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอย่างมากในการแข่งขันระหว่างชาติมหาอำนาจของโลก แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมกับกระบวนการขยายกลุ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มพลังความแข็งแกร่งภายในกลุ่ม ผลักดันบทบาทการเป็นศูนย์กลาง การเป็นฝ่ายรุกในมการกำหนดหลักการและระเบียบร่วมของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้น การรับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกจะช่วยผลักดันสถานะของอาเซียนให้สูงขึ้น

“ในช่วงเริ่มต้น อาเซียนมีสมาชิกแค่ 5 ประเทศ แล้วก็ขยายไปและรับเวียดนาม ลาว เมียนมาร์และกัมพูชา โดยไม่มีการแบ่งฝ่าย มีแต่การขยายและการผสมผสาน ตอนนี้ก็รับติมอร์-เลสเต ผมคิดว่า นี่คือลักษณะเฉพาะของอาเซียนและเป็นลักษณะแห่งการปรับตัวที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน”

นอกจากด้านภูมิรัฐศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังประเมินว่า การรับติมอร์-เลสเต ซึ่งเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ในด้านทรัพยากรน้ำมันเข้าเป็นสมาชิกจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจให้แก่อาเซียน โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน ในภาพรวม สำหรับอาเซียน นี่เป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความชอบธรรมและความน่าดึงดูดใจ แต่ก็ต้องการความพยายามเป็นอย่างมากในการช่วยเหลือให้ติมอร์-เลสเตสามารถตอบสนองเงื่อนไขต่างๆ ในด้านระบอบการปกครองและการบริหาร.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด