ภาพของการประชุม (Photo: quochoi.vn)

การประชุมครั้งที่ 9 สภาแห่งชาติสมัยที่ 15 ได้เสร็จสิ้นระเบียบวาระการประชุมและทุกเป้าหมายที่ได้วางไว้  นี่เป็นหนึ่งในการประชุมที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์เพราะประเด็นหัวข้อที่สภาแห่งชาติได้อนุมัติครั้งนี้มีสำคัญยิ่งต่อการสร้างพื้นฐานให้แก่ประเทศในการย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ ศักราชแห่งการผงาดของประชาชาติ

นิมิตหมายทางประวัติศาสตร์ จุดเริ่มต้นของการปฏิรูปกลไกระเบียบการ

หนึ่งในจุดเด่นของการประชุมครั้งที่ 9  สภาแห่งชาติสมัยที่ 15 คือการที่สภาแห่งชาติสมัยที่ 15 อนุมัติมติเกี่ยวกับการแก้ไข เพิ่มเติมข้อกำหนดบางข้อของรัฐธรรมนูญปี 2013 ด้วยเสียงสนับสนุน100 %จากผู้แทนสภาแห่งชาติ  นี่เป็นนิมิตหมายครั้งประวัติศาสตร์ เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปกลไกระเบียบการบริหารอย่างกว้างลึก เป็นการแสดงให้เห็นถึงแนวคิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ในด้านธรรมาภิบาลแห่งชาติ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้มีส่วนช่วยปฏิบัติแนวทางของพรรคเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ปรับโครงสร้างหน่วยงานต่างๆในระบบการเมืองให้กระทัดรัด มีประสิทธิภาพ สร้างพื้นฐานทางกฎหมายในการปฏิบัติระบบการปกครองส่วนท้องถิ่น 2 ระดับแทน ระบบ3 ระดับที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์การพัฒนาในปัจจุบันของประเทศ

ควบคู่กันนั้น มติเกี่ยวกับการแก้ไขและเพิ่มเติมข้อกำหนดบางข้อของรัฐธรรมนูญปี 2013 ยังสร้างพื้นฐานทางนิตินัยให้แก่การปรับโครงสร้างองค์กรแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนาม องค์กรการเมือง-สังคมให้ดำเนินงานอย่างใกล้ชิดกับประชาชน รับใช้ประชาชนให้ดีขึ้น โดยข้อกำหนดที่ 9 ของรัฐธรรมนูญปี 2013 ที่ได้รับการแก้ไขและเพิ่มเติมในครั้งนี้ไม่เพียงแต่กำหนดว่า แนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามมีหน้าที่รวบรวมและส่งเสริมกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติ”เท่านั้น หากยังมีเนื้อหาใหม่คือ “แสดงให้เห็นถึงจิตใจ ความปรารถนาและส่งเสริมสิทธิการเป็นเจ้าของของประชาชน เป็นตัวแทน ปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของประชาชน รวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอของประชาชนเพื่อยื่นเสนอต่อสำนักงานภาครัฐ”

ซึ่งการแก้ไขและเพิ่มเติมเนื้อหาที่สำคัญในรัฐธรรมนูญครั้งนี้สร้างพื้นฐานเพื่อสร้างสรรค์ประเทศเวียดนามที่เจริญเข้มแข็ง มีความเจริญรุ่งเรืองและประชาชนมีความสุข นาย ห่าสีด่ง ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดกว๋างจิ (ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดกว๋างจิและจังหวัดกว๋างบิ่งเก่า) และนาง เหงวียนถิทูเหงวียด ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดดั๊กลักได้ยืนยันว่า

  “มติการแก้ไข เพิ่มเติมข้อกำหนดบางข้อของรัฐธรรมนูญปี 2013 เป็นนิมิตหมายทางประวัติศาสตร์การเมืองที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง สร้างพื้นฐานเพื่อประเทศเวียดนามก้าวรุดหน้าไป”

“นี่เป็นการแปรแนวคิดและแนวทางของพรรคเกี่ยวกับปัญหานี้ให้เป็นกฎหมาย สร้างพื้นฐานทางนิตินัยที่มั่นคงให้แก่การปรับโครงสร้างหน่วยงานต่างๆในระบบการเมืองให้กระทัดรัด มีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง”

อีกหนึ่งมติสำคัญที่สภาแห่งชาติสมัยที่ 15 ลงคะแนนอนุมัติครั้งนี้คือมติเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างสำนักงานบริหารราชการระดับจังหวัดจังหวัดปี 2025  ซึ่งเป็นนิมิตหมายแห่งการเปลี่ยนแปลงแนวคิดธรรมาภิบาลของประเทศอย่างเข้มแข็งในยุคแห่งการผสมผสานและพัฒนาอย่างยั่งยืน  นาง เหงวียนถิหงอกซวน ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดบิ่งเยือง ซึ่งปัจจุบันควบรวมเข้ากับนครโฮจิมินห์ ได้ย้ำว่า

“นี่เป็นการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่ไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงโครงสร้างสำนักงานบริหารราชการ เปิดโอกาสให้แก่ท้องถิ่นต่างๆในการปรับปรุงโครงสร้างแหล่งพลังทั้งในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม กลาโหมและความมั่นคงเท่านั้น หากยังสร้างโอกาสใหญ่เพื่อให้ประเทศเราย่างเข้าสู่ศักราชใหม่อีกด้วย”

ซึ่งแนวคิดธรรมาภิบาลเชิงก้าวกระโดด วิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์ของเวียดนามยังถูกระบุอย่างชัดเจนในมติของสภาแห่งชาติเกี่ยวกับศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศในนครโฮจิมินห์และนครดานัง ซึ่งเป็นรูปแบบการพัฒนาที่ผสานกับพลังขับเคลื่อนแห่งการขยายตัวใหม่เพื่อยกระดับสถานะของเวียดนามในศักราชใหม่ นอกจากนี้ การประชุมครั้งที่ 9 สภาแห่งชาติสมัยที่ 15 ได้อนุมัติมติเกี่ยวกับการยกเว้นและสนับสนุนค่าเล่าเรียนสำหรับเด็กอนุบาล นักเรียนประถมและมัธยมศึกษาและมติเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรจนถึงปี 2030 เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจิตใจแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ สนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างกว้างลึกของเวียดนามในทุกด้านของสังคม

จิตใจแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ในงานด้านการจัดทำกฎหมาย

การประชุมครั้งที่ 9 สภาแห่งชาติเป็นการประชุมที่มีจำนวนร่างกฎหมายที่ได้รับการแก้ไขมากที่สุด มีส่วนช่วยปฏิบัติเนื้อหาที่เร่งด่วนอย่างทันการณ์ เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องถึงการลงทุน การปฏิบัติรูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่น 2 ระดับ โดยสภาแห่งชาติได้ศึกษาสถานการณ์ที่เป็นจริงเพื่อแก้ไขอย่างรอบด้าน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเป็นฝ่ายรุก ทันการณ์ของสภาแห่งชาติในการแปรแนวทางของพรรคเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศในสถานการณ์ใหม่ให้เป็นกฎหมาย  นอกจากนี้ ในการประชุมนี้ สภาแห่งชาติได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญในการระบุนโยบายต่างๆในระบบกฎหมายเพื่อปฏิบัตินโยบายนี้อย่างรวดเร็ว รับใช้ประชาชนและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาประเทศ

ทั้งนี้การประชุมสภาแห่งชาติครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์สูงสุดต่อแนวทางใหญ่ของประเทศ ซึ่งมติและนโยบายที่สภาแห่งชาติอนุมัติครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่สำคัญครั้งประวัติศาสตร์และจะเป็นพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อให้รัฐบาลปฏิบัติหน้าที่พัฒนาประเทศ.