(VOVWORLD) -คาดว่า กฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลจะได้รับการอนุมัติในการประชุมครั้งที่ 10 สภาแห่งชาติสมัยที่ 15 โดยกำหนดความรับผิดชอบของสำนักงานและองค์การต่างๆ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและฐานข้อมูลดิจิทัล เชิดชูสิทธิผลประโยชน์ ภาระหน้าที่และการเข้าร่วมของประชาชนในโลกดิจิทัล ซึ่งเป็นก้าวเดินที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของเวียดนามในการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมดิจิทัลเพื่อมนุษย์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
กฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลสร้างพื้นฐานด้านกลไกให้แก่การพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เศรษฐกิจดิจิทัล สังคมดิจิทัลและวัฒนธรรมดิจิทัล ย้ำถึงการค้ำประกันความปลอดภัยด้านข้อมูล กำหนดความรับผิดชอบของรัฐ สถานประกอบการและพลเมืองในกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล
เป้าหมายถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ร่างกฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลมี 8 บรรพ 51 มาตรา โดยแปรทุกแนวทางของพรรคให้เป็นกฎหมาย โดยเฉพาะมติที่ 57 ของกรมการเมืองพรรคเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในเวียดนาม นาย เหงวียนแหมงหุ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเวียดนามได้ยืนยันว่า
“เป้าหมายของการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ก็เพื่อปรับปรุงระบบกฎหมายให้มีความสมบูรณ์เพื่อผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในรอบด้าน มุ่งสู่การพัฒนาประเทศดิจิทัล การปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่เข้าร่วมสภาพแวดล้อมดิจิทัล ผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก สำหรับจุดยืนเกี่ยวกับการจัดทำร่างกฎหมายและแปรแนวทางของพรรคและรัฐเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลแห่งชาติให้เป็นกฎหมายนั้นมีความสอดคล้องกับระบบกฎหมายที่มีอยู่และข้อกำหนดระหว่างประเทศ”
กฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลไม่เพียงแต่สร้างกรอบทางนิตินัยให้แก่การพัฒนาเท่านั้น หากยังสร้างพื้นฐานให้แก่สังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย มีความเป็นมนุษย์และมุ่งสู่ประชาชน ซึ่งแสดงให้เห็นในเนื้อหาต่างๆ ได้แก่ ทุกกิจกรรมการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลต่างมุ่งเน้นการรับใช้ประชาชนให้ดีขึ้นในด้านการทำระเบียบราชการ การบริการสาธารณะในด้านสาธารณสุข การศึกษาและสวัสดิการสังคม กฎหมายกำหนดความรับผิดชอบของสำนักงานภาครัฐในการลดขั้นตอนระเบียบราชการ ส่งเสริมความโปร่งใสของข้อมูล ค้ำประกันสิทธิการเข้าถึงอย่างมีความเสมอภาคให้แก่ประชาชนทุกคน ไม่เลือกปฏิบัติเกี่ยวกับเขตที่อยู่อาศัย เงื่อนไขเศรษฐกิจและความรู้ด้านเทคโนโลยี นอกจากนี้ กฎหมายฉบับนี้ยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและความปลอดภัยด้านข้อมูลในโลกไซเบอร์เพื่อสร้างความไว้วางใจดิจิทัล ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญเพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในการเข้าร่วมและได้รับผลประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล กฎหมายฉบับนี้ยังส่งเสริมการยกระดับทักษะความสามารถด้านดิจิทัล เผยแพร่ความรู้ดิจิทัลในชุมชน ช่วยให้ประชาชนมีทักษะความสามารถในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้อยู่ข้างหลังในกระบวนการพัฒนา สำหรับปัญหานี้ นาย เหงวียนกวางฮวน ผู้แทนสภาแห่งชาตินครโฮจิมินห์ให้ข้อสังเกตว่า
“พวกเรากำลังปฏิบัติโครงการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลดิจิทัล สังคมดิจิทัลอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยต้องการกฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล กฎหมายฉบับนี้มีลักษณะเฉพาะสูง มีความผูกพันกับกฎหมายบางฉบับที่ประกาศใช้ก่อนหน้านั้น เช่น กฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงทางไซเบอร์และกฎหมายว่าด้วยการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลเน้นสร้างสรรค์รัฐบาลดิจิทัล สังคมดิจิทัล การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ช่วยประหยัดการใช้จ่าย ค้ำประกันความโปร่งใสของข้อมูล ปัจจุบัน งานด้านเผยแพร่ความรู้ด้านดิจิทัลให้แก่ประชาชนยังไม่ได้รับการปฏิบัติอย่าพร้องเพรียง ดังนั้นเมื่อกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ กระบวนการปฏิบัติจะถูกกำหนดอย่างชัดเจนและประชาชนจะมีความเข้าใจมากขึ้น”
ซึ่งเนื้อหาต่างๆได้แสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลไม่เพียงแต่เป็นเรื่องราวของเทคโนโลยีเท่านั้น หากยังเป็นเรื่องราวของมนุษย์ ซึ่งประชาชนล้วนเป็นผู้ที่ปฏิบัติและเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากกระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่นี้
ค้ำประกันความปลอดภัยด้านข้อมูล การพัฒนาวัฒนธรรมดิจิทัลซึ่งเป็นพื้นฐานทางจิตใจของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล
ร่างกฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลไม่เพียงแต่เน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีเท่านั้น หากยังมุ่งสู่การปรับเปลี่ยนแนวคิด วิธีการผลิตและชีวิตความเป็นอยู่ทางวัฒนธรรมและสังคม โดยเฉพาะมาตราที่ 33 ที่กำหนดการพัฒนาวัฒนธรรมดิจิทัลถือเป็นก้าวเดินใหญ่ที่เกาะติดมติของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13 เกี่ยวกับการถือวัฒนธรรมเป็นพื้นฐานทางจิตใจ มีส่วนร่วมต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ควบคู่กันนั้น กฎหมายยังเน้นถึงการให้การศึกษาทักษะความสามารถด้านดิจิทัล ระบุเนื้อหาดังกล่าวในกิจกรรมการเรียนการสอน ประกาศใช้มาตรฐานเกี่ยวกับทักษะความสามารถดิจิทัลของชาติ นาย เหงวียนกวางฮวน ผู้แทนสภาแห่งชาตินครโฮจิมินห์เผยว่า การระบุ “การให้การศึกษาวัฒนธรรมดิจิทัล”ในโครงการฝึกอบรมแหล่งบุคลากรดิจิทัลก็เพื่อพัฒนาเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีวัฒนธรรม ความรับผิดชอบและคุณธรรมในโลกไซเบอร์ ซึ่งช่วยให้เวียดนามเป็นเจ้าของเทคโนโลยีและเจ้าของอนาคตอย่างแท้จริง
กฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลไม่เพียงแต่สร้างพื้นฐานทางนิตินัยให้แก่กระบวนการ เปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลเท่านั้น หากยังยืนยันถึงวิสัยทัศน์ของเวียดนามในการสร้างสรรค์สังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย มีความเป็นมนุษย์และเพื่อมนุษย์ ซึ่งเป็นก้าวเดินที่จำเป็นเพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาประเทศ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลกลายเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ในกระบวนการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย.