(VOVWORLD) - เวียดนามกำลังจัดงานสัปดาห์ทะเลและเกาะแก่งในระหว่างวันที่ 01- 08 มิถุนายน อันเป็นการยืนยันศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ของเศรษฐกิจทางทะเล แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลอย่างเต็มรูปแบบ การอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในเขตทะเลและหมู่เกาะอย่างยั่งยืน งานนี้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่เวียดนามมุ่งมั่นผลักดันการควบรวมท้องถิ่นทั่วประเทศก่อนวันที่ 15สิงหาคม ซึ่งนี่ไม่เพียงแต่เป็นการปรับโครงสร้าง พื้นที่และการปกครองท้องถิ่นเท่านั้น หากยังเป็นโอกาสทองเพื่อสร้างพื้นที่การพัฒนาใหม่ตามแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลอีกด้วย
ศักยภาพการขนส่งสินค้าทางทะเลของเวียดนาม (VNA) |
การควบรวมท้องถิ่นต่างๆตามแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจทาทะเลคือพื้นฐานที่สำคัญเพื่อเชื่อมโยง ผสมผสานและนำประเทศก้าวรุดหน้าต่อไป
มีจังหวัดและนครริมฝั่งทะเลเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ62 หลังจากทำการควบรวม
เวียดนามมี 63 จังหวัดและนคร โดยมีจังหวัดและนครริมฝั่งทะเล 28แห่งและมีแนวชายฝั่งยาว 3,260 กิโลเมตร โดยการควบรวมท้องถิ่นทำให้มีจังหวัดและนครริมฝั่งทะเล 21 แห่งจากทั้งหมด 34 แห่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 62
ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามได้เน้นพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเล แต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่ ซึ่งแนวทางการควบรวมท้องถิ่นได้คำนึงถึงปัญหาดังกล่าวมากขึ้นเพื่อสร้างพื้นที่การพัฒนาสำหรับเศรษฐกิจทางทะเลของเวียดนาม
ในการพบปะกับเจ้าหน้าที่อาวุโสการปฏิวัติในภาคใต้เมื่อวันที่21 เมษายน เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิมได้ย้ำว่า การปรับโครงสร้างองค์กรบริหารราชการตามแนวทางใช้ประโยชน์จากพื้นที่ทางทะเลอย่างเต็มที่เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงพื้นที่ป่าเขา เขตที่ราบ ทะเลและเกาะแก่งอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระดับท้องถิ่น สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่ท้องถิ่นบางแห่งในการยกระดับเป็นนครสังกัดส่วนกลางและพัฒนาเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญในอนาคตอันใกล้
ส่วนบรรดาผู้เชี่ยวชาญได้ให้ข้อสังเกตว่า การเชื่อมโยงท้องถิ่น โดยเฉพาะในเขตที่ราบสูงเตยเงวียนในภาคกลางกับท้องถิ่นริมฝั่งทะเลสอดคล้องกับสถานการณ์และความต้องการพัฒนาในปัจจุบันเพื่อสร้างการเชื่อมโยงตะวันออก-ตะวันตก ระหว่างพื้นที่เขตทะเลกับเขตเขาและเขตที่ราบกับที่ราบสูง เช่น การควบรวมจังวหัดจ่าวิง หวิงลองและเบ๊นแจทำให้มีจังหวัดใหม่ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ประชากรจำนวนมากและเปิดพื้นที่การพัฒนาสู่เศรษฐกิจทางทะเลทางทิศตะวันออกของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง นาย เหงวียนกวิ่งเถี่ยน รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดจ่าวิงได้เผยว่า
“การปฏิบัติแนวทางควบรวม 03 จังหวัดจะช่วยสร้างพื้นที่การพัฒนามากขึ้นให้แก่จังหวัดหวิงลองใหม่ โดยจังหวัดจ่าวิงจะมีส่วนร่วมสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเล สถาบันพลังงานได้ประเมินว่า โรงไฟฟ้าพลังงานลมของจังหวัดจ่าวิงมีกำลังการผลิตกว่า 24,000 เมกะวัตต์ ซึ่งสนับสนุนโครงการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนและการปรับเปลี่ยนสีเขียวในอนาคต”
ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทางทะเล (VNA) |
การประสานระหว่างหน่วยงานต่างๆเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเล นอกจากความได้เปรียบจากการควบรวมท้องถิ่นต่างๆเพื่อเพิ่มพื้นที่การพัฒนาแล้ว รัฐบาลเวียดนามยังผลักดันการปฏิบัติยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลอย่างยั่งยืนจนถึงปี 2030 วิสัยทัศน์จนถึงปี 2045 ซึ่งได้ปฏิบัติมาแล้ว 7 ปี โดยเน้นอุตสาหกรรมที่สำคัญๆ เช่น การท่องเที่ยว การท่องเที่ยวทางทะเล การเดินเรือ การขุดเจาะปิโตรเลียม สัตว์ทะเล พลังงานหมุนเวียน เป็นต้น แต่อย่างไรด็ตาม ได้มีการปฏิบัติโครงการในด้านนี้ 35โครงการจากทั้งหมด 169โครงการและหน้าที่ ซึ่งคิดเป็นเพียงร้อยละ 20.7 เท่านั้น ดังนั้น เวียดนามจะจัดตั้งกลไกการประสานระหว่างหน่วยงานและเขต โดยรองนายกรัฐมนตรี เจิ่นห่งห่าได้เผยว่า นี่คือพื้นฐานเพื่อบริหารและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเล ซึ่งกระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อมจะประสานงานกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวิจัยและเสนอกลไกเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆในการพัฒนาบนพื้นฐานของเสาหลักต่างๆ เช่น การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและการสร้างงานทำเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเล ส่วนคณะกรรมการชี้นำแห่งชาติเกี่ยวกับการปฏิบัติยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลอย่างยั่งยืนจะเน้นแก้ไขปัญหาระดับเขต โครงการสำคัญระดับชาติและปัญหาระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ด้วยสถานะทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญในเส้นทางการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศและความได้เปรียบของทะเลตะวันออกถือเป็นศักยภาพเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเล การแลกเปลี่ยนการค้า การปกป้องอธิปไตยและยกระดับสถานะของเวียดนมบนเวทีโลก การควบรวมท้องถิ่นบางแห่งตามแนวทางใช้ประโยชน์จากพื้นที่ทางทะเลอย่างเต็มที่ผสานกับการผลักดันการปฏิบัติยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลอย่างยั่งยืนจะสร้างแรงผลักดันให้เวียดนามพัฒนาอย่างแข็งแกร่งและมีความมั่งคั่งจากทะเล.