ภาพการประชุม (VNA)

ภายหลังปฏิบัติภารกิจ Đổi mới หรือ เปลี่ยนแปลงใหม่มาเป็นเกือบ 40 ปี เวียดนามได้ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงแนวความคิด การปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความคาดหวังเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ

นิมิตหมายของการเปลี่ยนแปลงใหม่แนวความคิดด้านการต่างประเทศ

ตั้งแต่ปี 1986 พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงใหม่แนวความคิดด้านการต่างประเทศ การประเมินสถานการณ์โลกเพื่อวางแผนและปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศเพื่อปกป้องและส่งเสริมผลประโยชน์ของประเทศ เช่น การแก้ไขปัญหาการปิดล้อมและคว่ำบาตรด้านเศรษฐกิจในช่วงปี 1986-1995 การขยายความสัมพันธ์และผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกในช่วงปี 1995-2010 และนำความสัมพันธ์กับต่างประเทศเข้าสู่ส่วนลึกและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกในทุกด้านตั้งแต่ปี 2011 จนถึงปัจจุบัน

อีกนิมิตหมายที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงใหม่แนวความคิดด้านการต่างประเทศ คือมติของการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่ 8 สมัยที่ 9 เมื่อปี 2003 ได้ระบุทัศนะใหม่เกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนและกลุ่มเป้าหมาย ความร่วมมือกับการต่อสู้ โดยเวียดนามมุ่งมั่นส่งเสริมความคล้ายคลึงกันและแก้ไขปัญหาความแตกต่าง กระชับความสัมพันธ์กับนานาประเทศ โดยเฉพาะการยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์และหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านกับประเทศต่างๆทั่วโลก

ทั้งนี้ แนวความคิดเกี่ยวกับการทูตพหุภาคีได้มีพัฒนาการที่สำคัญ โดยการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 12 เมื่อปี 2016 ได้วางแนวทางเดินหน้ามีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในการจัดทำและกำหนดกลไกพหุภาคี ต่อมา การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13 ปี 2021ได้มีแนวทางปฏิบัติกิจกรรมการต่างประเทศอย่างพร้อมเพรียง รอบด้านและมีประสิทธิภาพทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี รองนายกรัฐมนตรี บุ่ยแทงเซิน ได้วิเคราะห์ว่า

“การทูตได้มีส่วนร่วมสร้างเส้นแบ่งพรมแดนแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ปกป้องอธิปไตยของประเทศอย่างมั่นคง สร้างกลไกความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาในเขตชายแดนด้วยสันติวิธี ซึ่งการทูตพหุภาคีมีส่วนช่วยให้เวียดนามหลุดพ้นจากการเป็นประเทศที่ถูกปิดล้อมและถูกคว่ำบาตรไปสู่การเป็นสมาชิกที่กระตือรือร้นและมีความรับผิดชอบของประชาคมโลก การทูตเศรษฐกิจและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกนับวันเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ระดมแหล่งพลังทั้งภายในและภายนอกเพื่อพัฒนาประเทศ”

ภายใต้การนำของพรรค จนถึงปัจจุบัน เวียดนามเป็นสมาชิกของฟอรั่มและองค์กรระหว่างประเทศกว่า 70 แห่ง เช่น สหประชาชาติ อาเซียน เอเปกและอาเซม ได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ 3 ครั้ง สถาปนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านกับ 14 ประเทศ ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับ 10 ประเทศและหุ้นส่วนรอบด้านกับ 15 ประเทศ

กรอบยุทธศาสตร์ที่สมบูรณ์ครบถ้วน

จากการสานต่อผลสำเร็จที่ได้บรรลุ นับเป็นครั้งแรกที่ร่างรายงานการเมืองที่ยื่นเสนอต่อการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 14 ระบุว่า การต่างประเทศและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกมีบทบาทเทียบเท่ากับงานด้านกลาโหมและความมั่นคง เป็นหน้าที่สำคัญที่ต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงใหม่วิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์ของพรรคท่ามกลางการแข่งขันด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจที่นับวันเพิ่มมากขึ้น ดร.เหงวียนห่งหาย จากมหาวิทยาลัย VinUniversity ได้ให้ข้อสังเกตว่า

“การขยายกิจกรรมการต่างประเทศท่ามกลางสถานการณ์ความมั่นคงโลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อนเป็นการเพิ่มเพื่อนมิตร ลดผลกระทบและความผันผวนที่ยากจะคาดการณ์ได้ เมื่อมีความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพและการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับนานาประเทศ ก็จะสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ซึ่งการที่ร่างเอกสารของคณะกรรมการกลางพรรคระบุการต่างประเทศให้มีบทบาทเทียบเท่ากับงานด้านกลาโหมและความมั่นคงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”

รองศ.ดร.พลตรี เลวันเกือง ได้วิเคราะห์ว่า การต่อยอดและพัฒนาแนวความคิดด้านการต่างประเทศและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกของพรรคในตลอด 40 ปีที่ผ่านมาและนโยบายการต่างประเทศและการผสมผสานที่คล่องตัวมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง

“สถานการณ์โลกปัจจุบันทำให้พรรคต้องมีแนวความคิดใหม่ โดยเศรษฐกิจเวียดนามมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเศรษฐกิจโลก ซึ่งความผันผวนต่างๆในโลกได้ส่งผลกระทบต่อเวียดนามทั้งในด้านการเมือง ความมั่นคง กลาโหมและเศรษฐกิจ ซึ่งจำเป็นต้องระบุการต่างประเทศให้มีบทบาทเทียบเท่ากับงานด้านกลาโหมและความมั่นคง”

ทั้งนี้ ร่างรายการเมืองได้ชี้ชัดว่า การต่างประเทศและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกคือหน้าที่ของทั้งระบบการเมือง โดยประชาชนเวียดนามทุกคนต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อประเทศ ถือการต่างประเทศ การผสมผสานเข้ากับกระแสโลกและการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ประเทศเป็นหน้าที่ของตนเพื่อส่งเสริม 3 เสาหลักคือกลาโหม-ความมั่นคงและการต่างประเทศเพื่อรับมือความท้าทายต่างๆอย่างทันการณ์ มีประสิทธิภาพ ดึงดูดแหล่งพลังจากต่างประเทศ เสริมสร้างศักยภาพและความแข็งแกร่งของประเทศ.