ส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศในยุโรป เพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทะเลและมหาสมุทรอย่างยั่งยืน

(VOVWORLD) - ในระหว่างวันที่ 5-14 มิถุนายน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง และคณะผู้แทนระดับสูงของเวียดนามจะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐเอสโตเนียอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยมหาสมุทรครั้งที่ 3 ณ ฝรั่งเศส และเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการ การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับ 3 ประเทศในยุโรปให้แน่นแฟ้นมากขึ้น พร้อมทั้ง ยืนยันคำมั่นของเวียดนามในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศและพร้อมที่จะมีส่วนร่วมต่อความคิดริเริ่มและมาตรการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทะเลและมหาสมุทรอย่างยั่งยืน
ส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศในยุโรป เพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทะเลและมหาสมุทรอย่างยั่งยืน - ảnh 1นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีเวียดนามเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยมหาสมุทรและเป็นการเยือนฝรั่งเศสครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ทั้งสองประเทศยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านเมื่อเดือนตุลาคมปี 2024 และเป็นการเยือนเอสโตเนียครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีเวียดนามนับตั้งแต่ที่เวียดนามและเอสโตเนียสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี 1992

ผลักดันความร่วมมือในด้านที่มีศักยภาพกับประเทศในยุโรป

สาธารณรัฐเอสโตเนียเป็นประเทศแรกที่นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เดินทางไปเยือนในกรอบการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ จากที่เป็นประเทศยุโรปเหนือที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามตั้งแต่ปี 1992 เอสโตเนียได้ยืนยันหลายครั้งว่า เวียดนามเป็นหุ้นส่วนสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีความประสงค์ที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ความร่วมมือกับเวียดนามมากขึ้นต่อไป

 ถึงแม้ว่ามูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่ต่างเห็นพ้องกันว่า ความร่วมมือในด้านที่แต่ละประเทศมีศักยภาพยังมีอีกมาก เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีการเงิน เศรษฐกิจดิจิทัล โลจิสติกส์อัจฉริยะและท่าเรือดิจิทัล เป็นต้น กระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศกำลังส่งเสริมการลงนามบันทึกช่วยจำเพื่อความร่วมมือเพื่อสร้างกรอบการทำงานอย่างเป็นทางการ และมีส่วนร่วมส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้าน

สำหรับสวีเดนถือเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปประเทศแรกที่ได้รับรองและสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนาม (เมื่อปี 1969) โดยสนับสนุนเวียดนามอย่างเต็มที่ในการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชและรวมประเทศเป็นเอกภาพในอดีตและการสร้างสรรค์พัฒนาประเทศในปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน เมื่อปี 2024 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนอยู่ที่เกือบ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การลงทุนอยู่อันดับที่ 29 จากจำนวนทั้งหมด 149 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนาม โดยมีด้านที่มีศักยภาพต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นวัตกรรม เศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจหมุนเวียน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พลังงานหมุนเวียนและอุตสาหกรรมกลาโหม

ส่วนการเยือนฝรั่งเศสในครั้งนี้ถือเป็นการเยือนครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีฝ่ามมิงชิ้งนับตั้งแต่ที่ทั้งสองประเทศยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านเมื่อเดือนตุลาคมปี 2024 และมีขึ้นภายหลังการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ซึ่งได้บรรลุผลงานที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ  เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำฝรั่งเศส ดิงตว่านทั้ง ได้ย้ำว่า

 “ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านกำลังเปิดขอบเขตความร่วมมือที่กว้างลึกมากขึ้น โดยเน้นถึงด้านที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆและเชิงยุทธศาสตร์ สอดคล้องกับผลประโยชน์และศักยภาพทั้งของเวียดนามและฝรั่งเศส นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังมีจุดแข็งหลายอย่างในการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนกันในการปฏิบัติยุทธศาสตร์การพัฒนาและยกระดับสถานะของแต่ละประเทศ สถานประกอบการและเครือบริษัทของฝรั่งเศสมีจุดแข็งในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง พลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน สาธารณสุข เภสัชภัณฑ์ และการบินอวกาศ ในขณะที่เวียดนามมีตลาดภายในประเทศที่มีศักยภาพ มีแหล่งบุคลากรที่อุดมสมบูรณ์ และกำลังผสมผสานเข้ากับห่วงโซ่มูลค่าโลกอย่างกว้างลึก”

มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อการอนุรักษ์มหาสมุทรอย่างยั่งยืน

จุดเด่นในภารกิจครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง คือเป็นครั้งแรกเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยมหาสมุทรครั้งที่ 3 หรือ UNOC 3 ภายใต้หัวข้อ “เร่งดำเนินการและระดมทุกฝ่ายเข้าร่วมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรอย่างยั่งยืน” ในฐานะแขกพิเศษของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ที่ประชุม UNOC 3 จะหารือเกี่ยวกับปัญหาที่ประชาคมระหว่างประเทศกำลังต้องเผชิญและต้องส่งเสริมความร่วมมือเพื่อดึงดูดแหล่งพลังที่หลากหลายทางการเงิน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อรับมือความท้าทายร่วมกัน โดยระเบียบวาระการประชุม            UNOC 3 สอดคล้องกับเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆของเวียดนามในสภาวการณ์ที่เวียดนามกำลังส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของการขยายตัวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศทางทะเล เป็นต้น ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง จะเป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์หลัก โดยยืนยันว่า เวียดนามพร้อมเป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจในกรอบและรูปแบบความร่วมมือต่างๆ ซึ่งทัศนะที่เสมอต้นเสมอปลายนี้ยังได้รับการยืนยันโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเกษตรและสิ่งแวดล้อม เลมิงเงิน ในการประชุมระหว่างประเทศเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหาสมุทรอย่างยั่งยืนที่จัดขึ้น ณ กรุงฮานอยเมื่อเร็วๆนี้

“เวียดนามพร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศและหุ้นส่วนต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ แหล่งพลังและความคิดริเริ่มในการบริหารจัดการเพื่อเศรษฐกิจทางทะเลแห่งสีเขียว ยั่งยืนและการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เวียดนามเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบและกระตือรือร้นของประชาคมระหว่างประเทศอยู่เสมอ”

ในสภาวการณ์ดังกล่าว การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง มีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันถึงแนวทางที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามที่ให้ความสำคัญและมีความประสงค์ที่จะกระชับความสัมพันธ์กับประเทศในยุโรป รวมถึงฝรั่งเศส เอสโตเนีย และสวีเดนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอยู่เสมอ พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือความท้าทายร่วมระดับโลก ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ประชาคมระหว่างประเทศได้ทราบเกี่ยวกับแนวทางและประเด็นที่เวียดนามให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ในการพัฒนาประเทศในเวลาที่จะถึง โดยเฉพาะความมุ่งมั่นนำประเทศก้าวเข้าสู่ศักราชแห่งการผงาด.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด