สื่อสารมวลชนเป็นรากฐานที่สำคัญของประชาธิปไตย ความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการชี้แจง ในกระบวนการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก เวียดนามให้ความสนใจต่อความสำคัญของการเพิ่มความหลากหลายของเสียงพูดและการส่งเสริมสิทธิการเข้าถึงข้อมูล
โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารมวลชนอำนวยความสะดวกให้แก่การเข้าถึงข้อมูล
นับตั้งแต่ที่เปิดใช้งานเมื่อปี 1997 เครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้กลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ประชาชนขยายสิทธิการเข้าถึงข้อมูล เอื้อให้สื่อสารมวลชนมีส่วนร่วมต่อปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคมของประเทศ นาย ลิวหวูหาย อดีตอธิบดีกรมวิทยุโทรทัศน์และสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์สังกัดกระทรวงการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ได้เผยว่า
“ที่เวียดนาม ประชาชนสามารถใช้อินเตอร์เน็ตอย่างสะดวกและเสรีด้วยค่าบริการต่ำ เวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางอินเตอร์เน็ตสูงที่สุดในภูมิภาคและติดท็อปประเทศที่มีอัตราการขยายตัวสูงที่สุดในโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของนโยบายส่งเสริมการพัฒนาอินเตอร์เน็ตในเวียดนาม”
จนถึงขณะนี้ นอกจากเครือข่ายอินเตอร์เน็ตแล้ว หน่วยงานสื่อสารมวลชนเวียดนามยังเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สร้างสรรค์ช่องสื่อออนไลน์บนFacebook, Youtube และ Tiktok ซึ่งมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ชุมชนที่มีความรู้และมีการเข้าร่วมมากขึ้น การปรากฎตัวของนักข่าวและบล็อกเกอร์อิสระ ช่วยสนองมุมมองต่างๆเกี่ยวกับปัญหาทางสังคม นาย เหงวียนดึ๊กเหลย รองประธานสมาคมนักข่าวเวียดนามได้เผยว่า
“ในยุคดิจิทัล สื่อมวลชนต้องเป็นฝ่ายรุกในการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล เปลี่ยนแปลงใหม่วิธีการดำเนินงานเพื่อเกาะติดแนวโน้มของการสื่อสารที่ทันสมัย สำนักงานสื่อสารมวลชนต้องลงทุนในด้านเทคโนโลยี ประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ และBig Data เพื่อยกระดับคุณภาพของการสื่อสาร ยืนยันบทบาทของแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ ต่อต้านกระแสข้อมูลที่บิดเบือนความจริงบนโลกไซเบอร์”
นอกจากนี้ รัฐได้ลงทุนให้แก่สำนักงานสื่อสารมวลชนเพื่อให้มีการพัฒนาที่ทันสมัยและปฏิบัติหน้าที่ของสื่อปฏิวัติเวียดนามในสภาวการณ์ใหม่ มีส่วนร่วมสร้างบรรยากาศการพัฒนาใหม่ สร้างขบวนการแข่งขันที่มีความคิดสร้างสรรค์ สร้างพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อนำประเทศย่างเข้าสู่ศักราชแห่งการพัฒนาใหม่ ในพิธีมอบรางวัลรางวัลค้อนเคียวทองครั้งที่ 9 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2025 เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้ยืนยันว่า
“สื่อมวลชนได้ปฏิบัติบทบาทการส่งเสริมจิตใจแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่และความรับผิดชอบทางสังคมในประชาชนทุกชั้นชนเป็นอย่างดี เกาะติดสถานการณ์ที่เป็นจริง เสนอมาตรการที่เป็นรูปธรรม ผลักดันการพัฒนา ความพยายามในการแก้ไขปัญหาที่กำลังขัดขวางการพัฒนาของประเทศ”
สำนักข่าวใหญ่ของหลายประเทศได้เปิดสำนักงานตัวแทนในเวียดนาม และได้รับการอำนวยความสะดวกในการรายงานข่าว ส่วนบรรดานักข่าวเวียดนามได้มีโอกาสไปศึกษา แลกเปลี่ยนประสบการณ์และวิชาชีพในหลายประเทศผ่านกลไกความร่วมมือด้านการสื่อสารที่เวียดนามลงนามกับหลายประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เวียดนามอำนวยความสะดวกให้แก่การดำเนินงานและการพัฒนาของหน่วยงานสื่อสารมวลชน
สร้างกรอบทางนิตินัยที่สะดวกให้แก่เสรีภาพด้านสื่อสารมวลชน
เพื่อสร้างบรรยากาศที่สะดวกให้แก่เสรีภาพด้านการสื่อสารมวลชน เวียดนามได้แก้ไขกรอบทางนิตินัย รวมทั้งกฎหมายด้านการสื่อสารมวลชนฉบับแก้ไขที่คาดว่า จะได้รับการยื่นเสนอต่อการประชุมครั้งที่ 9 สภาแห่งชาติสมัยที่ 15 ในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยกำหนดข้อกำหนดต่างๆเพื่อค้ำประกันกรอบทางนิตินัยที่สะดวกเพื่อให้สำนักงานสื่อสารมวลชนพัฒนา โดยเฉพาะส่งเสริมการพัฒนามัลติมีเดียและเศรษฐกิจสื่อมวลชน สร้างบรรยากาศแห่งความคิดสร้างสรรค์ใหม่และช่วยให้สื่อมวลชนกลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพรรค รัฐกับประชาชน ดั่งคำยืนยันของนาย เหงวียนจ่องเหงีย สมาชิกกรมการเมืองพรรค สมาชิกคณะเลขาธิการพรรค หัวหน้าคณะกรรมการให้การศึกษาและประชาสัมพันธ์ส่วนกลางได้ยืนยันว่า
“ไม่มีพลังใดทัดเทียมพลังของวงการสื่อสารมวลชน ไม่มีพลังใดทัดเทียมพลังแห่งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 4.0 อินเตอร์เน็ตและเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติเป้าหมายด้านเศรษฐกิจ-สังคม ส่งเสริมจิตใจของกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติ ความรักชาติ ส่งเสริมจิตใจและพลังของชาวเวียดนาม”
ในยุคดิจิทัล ข้อมูลเป็นสมบัติเชิงยุทธศาสตร์ จากความพยายามที่เวียดนามกำลังปฏิบัติ สื่อมวลชนกำลังมีส่วนร่วมปกป้องคุณค่านี้ เสริมสร้างความไว้วางใจ สร้างบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่มีเสถียรภาพ ร่วมกับประเทศย่างเข้าสู่ศักราชแห่งการพัฒนาใหม่ผ่านการปฏิรูปในทุกด้าน ปฏิบัติเป้าหมายกลายเป็นประเทศที่พัฒนาในกลางศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะ สื่อมวลชนมีส่วนร่วมยกระดับสถานะของเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีแนวคิดที่ก้าวหน้าบนเวทีโลก.