(VOVWORLD) - สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏานพร้อมสมเด็จพระราชินีได้เสด็จมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 18–22 สิงหาคม ตามคำเชิญของประธานประเทศเวียดนาม เลืองเกื่อง และภริยา นี่เป็นการเสด็จเยือนเวียดนามในระดับรัฐอย่างเป็นทางการครั้งแรกของราชวงศ์ภูฏาน นับตั้งแต่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี 2012 โดยมีความหมายสำคัญเป็นพิเศษ ช่วยยกระดับความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ในทุกด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจ การค้าและการท่องเที่ยว
เวียดนามและภูฏาน ซึ่งเป็นสองประเทศในทวีปเอเชีย มีความใกล้ชิดและคล้ายคลึงกันในหลายด้าน โดยเฉพาะธรรมชาติที่งดงาม วัฒนธรรมที่ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา ประชาชนรักสันติภาพและมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย การเสด็จเยือนในครั้งนี้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังมีก้าวพัฒนาต่างๆ และทั้งสองประเทศต่างตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับการค้ำประกันให้แก่การพัฒนาอย่างกลมกลืนและยั่งยืน
ความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ดีงาม
เวียดนามและภูฏานสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 19 มกราคมปี 2012 นับตั้งแต่ที่ได้รับการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เวียดนามให้ความสำคัญเป็นอย่างมากต่อความสัมพันธ์กับภูฏาน โดยถือว่า ภูฏานเป็นหนึ่งในประเทศเดินหน้าในการปฏิบัติเป้าหมายการขยายตัวแห่งสีเขียวและสามารถรักษาดัชนี “ความสุข” ของประชาชนได้อย่างมั่นคง ส่วนภูฏานก็ถือเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีของภูฏานและมีความประสงค์ที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ด้านการพัฒนาจากเวียดนาม นอกจากนี้ ผู้นำระดับสูงของสองประเทศก็ได้พูดคุยทางโทรศัพท์อยู่เสมอในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ก่อนการเสด็จเยือนเวียดนามครั้งนี้ของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน นาง ฝ่ามทูหั่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้เผยว่า
“ในความสัมพันธ์ทางการเมืองและการทูต ทั้งสองประเทศมีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับอยู่เสมอ ประสานงานและสนับสนุนกัน เวียดนามและภูฏานยังได้เสริมสร้างความร่วมมือบนเวทีระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในองค์การสหประชาชาติ สหภาพรัฐสภาโลก สมัชชารัฐสภาเอเชีย รวมถึงในปัญหาระดับภูมิภาคและโลกที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจ”
ในด้านเศรษฐกิจ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนอยู่ที่ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีและในเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้พยายามผลักดันให้ความร่วมมือในด้านนี้พัฒนาต่อไป ซึ่งปัจจุบัน เวียดนามมีโครงการลงทุนในภูฏานจำนวน 2 โครงการด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวม 937,000 ดอลลาร์สหรัฐ นาง ฝ่ามทูหั่ง เผยต่อไปว่า
“ ในเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศกำลังพยายามเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนให้มากขึ้น โดยเมื่อเร็วๆ นี้ เวียดนามได้ส่งออกสินค้าต่าง ๆ ไปยังภูฏาน เช่น ไม้ เครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและอะไหล่ เป็นต้น”
ศักยภาพความร่วมมือยังมีอีกมาก
ทั้งสองประเทศต่างระบุว่า ยังมีศักยภาพความร่วมมือระหว่างกันอีกมาก โดยเฉพาะในด้านเกษตร การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การศึกษา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและการพัฒนาแห่งสีเขียว เป็นต้น ดังนั้น ทั้งสองประเทศกำลังพิจารณาจัดตั้งกลไกทาบทามความคิดเห็นระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและลงนามข้อตกลงบางฉบับเพื่อเป็นพื้นฐานให้แก่ความร่วมมือ โดยเฉพาะภูฏานส่งเสริมให้สถานประกอบการเวียดนามเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ Gelephu Mindfulness City ขยายความร่วมมือและเชื่อมโยงในด้านการท่องเที่ยวทางจิตวิญญาณ วัฒนธรรมและพุทธศาสนา
การท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาและจิตวิญญาณถือเป็นไฮไลท์ของความร่วมมือทวิภาคี ซึ่งปัจจุบันนี้ สายการบิน Vietjet มีเที่ยวบินพิเศษสำหรับกรุ๊ปทัวร์ไปยังภูฏาน ส่วนสายการบิน Bhutan Airlines ก็มีแผนการที่จะเปิดเส้นทางบินตรงในช่วงฤดูท่องเที่ยวมาเวียดนาม ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ
ควบคู่กันนั้น เวียดนามและภูฏานกำลังขยายความร่วมมือในด้านศาสนา โดยเฉพาะพุทธศาสนา การศึกษาและการแลกเปลี่ยนบุคลากร ภูฏานให้ความสำคัญต่อความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนคณะนักวิชาการและวัฒนธรรม รวมทั้งส่งเสริมการพบปะแลกเปลี่ยนในระดับประชาชนบนเวทีระดับภูมิภาคและโลก
ในการพบปะต่างๆ ผู้นำเวียดนามและภูฏานต่างแสดงความเชื่อมั่นต่อศักยภาพการขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีผ่านการใช้กลไกความร่วมมือในด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นต้น ดังนั้น การเสด็จเยือนเวียดนามครั้งนี้ของสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน จะเปิดศักยภาพแห่งความร่วมมือมากมาย เช่น การเกษตร การท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การศึกษา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและการพัฒนาแห่งสีเขียว
จากความต้องการของแต่ละประเทศ เวียดนามและภูฏานตั้งใจส่งเสริมความร่วมมือและมิตรภาพ เพื่อสร้างพื้นฐานในการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่อย่างมั่นคง ร่วมกันสร้างสรรค์โลกที่สันติภาพ สมดุลและพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งการเสด็จเยือนเวียดนามครั้งนี้ของสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏานก็เพื่อแปรความตั้งใจนี้ให้กลายเป็นความจริง.