หัวเลี้ยวหัวต่อในนโยบายศาสนาของเวียดนาม
Thu Hoa/VOV5 -  
(VOVWORLD) - กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาของเวียดนามที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2018 ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำหรับนโยบายเกี่ยวกับความเลื่อมใสและศาสนาในเวียดนาม
สภาแห่งชาติได้อนุมัติกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2017 โดยได้แปรทัศนะของรัฐธรรมนูญปี 2013 เกี่ยวกับการค้ำประกันสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและศาสนาให้เป็นรูปธรรม แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงกลไกการบริหารภาครัฐเกี่ยวกับความเลื่อมใสและศาสนา เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือมีส่วนร่วมเสริมสร้างกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติ รักษาความเชื่อมั่นของผู้ที่นับถือศาสนาต่อนโยบายและกฎหมายของพรรคและรัฐ
ขยายสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและศาสนา
กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาสะท้อนอย่างเด่นชัดถึงการให้ความเคารพ ปกป้องและค้ำประกันสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและการนับถือศาสนาของพลเมืองทุกคน โดยเฉพาะการขยายเป้าหมายปฏิบัติสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและศาสนา เพิ่มเติมข้อกำหนดเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและศาสนา กำหนดอำนาจการบริหารเกี่ยวกับความเลื่อมใสและศาสนา อำนวยความสะดวกให้แก่องค์กรและบุคคลในการลงทะเบียนประกอบศาสนกิจและประหยัดเวลาในการขอการรับรององค์กรศาสนาต่างๆ นาย เจืองดิ่งกัน รองประธานคณะกรรมการสามัคคีศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกจังหวัดเลิมด่งได้ยืนยันว่า กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาอำนวยความสะดวกให้แก่ศาสนาต่างๆในการประกอบศาสนกิจ “พวกเราเห็นว่า กฎหมายมีข้อใหม่หลายข้อและสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาของพลเมืองได้รับการค้ำประกัน การประกอบศาสนกิจก็มีความสะดวกมากขึ้น นอกจากนั้น กฎหมายได้รับรองฐานะทางนิติบุคคลที่มิใช่ในเชิงพาณิชย์ของศาสนาต่างๆ นั่นคือข้อใหม่”
กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาได้รับการปรับปรุงตามแนวทางอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอย่างชอบด้วยกฎหมายในเวียดนาม เพิ่มเติมเนื้อหาการแต่งตั้งสมณศักดิ์ต่อชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอย่างชอบด้วยกฎหมายในเวียดนาม นาง หว่างถิฮวา ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดบั๊กยางได้เผยว่า “กฎหมายฉบับนี้ได้ระบุอย่างชัดเจนถึงสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและการนับถือศาสนาของชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในเวียดนาม ซึ่งระบุไว้ใน 7 มาตรา โดยเริ่มตั้งแต่มาตรา 47 ถึงมาตรา 53 ของพรรบที่ 6 เพื่อกำหนดสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและการนับถือศาสนาสำหรับชาวต่างชาติ โดยชาวต่างชาติมีสิทธิ์ประกอบศาสนกิจและรับการศึกษาในศาสนสถานเหมือนพลเมืองเวียดนาม”
ความรับผิดชอบของสำนักงานภาครัฐในการประกอบศาสนกิจและกิจกรรมด้านศาสนาก็ได้รับการระบุอย่างชัดเจน ปัญหาเกี่ยวกับสถานะทางนิตินัยขององค์กรศาสนา สถานที่ฝึกอบรมด้านศาสนา การเปิดชั้นเรียนฝึกอบรมเกี่ยวกับศาสนา การลงทะเบียนประกอบศาสนกิจ การประกอบศาสนกิจ การตรวจตรา ตรวจสอบและการลงโทษกรณีฝ่าฝืนที่เกี่ยวข้องถึงความเลื่อมใสและการนับถือศาสนาได้รับการระบุในกฎหมาย
หัวเลี้ยวหัวต่อในนโยบายศาสนา
ผู้ที่มีสมณศักดิ์ได้ชื่นชมกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนา เนื่องจากตอบสนองความต้องการของผู้ที่นับถือศาสนาในทั่วประเทศ พระครู ทิกเหวะมิง หัวหน้าสภาบริหารพุทธศาสนาจังหวัดเตี่ยนยางได้แสดงความเห็นว่า “อาตมาเห็นว่า รัฐให้ความเคารพปัญหาความเลื่อมใสและเสรีภาพด้านความเลื่อมใส ความเลื่อมใสและศาสนาต้องเป็นไปตามข้อกำหนดในรัฐธรรมและกฎหมาย ก่อนนับถือศาสนาและมีความเลื่อมใส พวกเราต้องมีความรับผิดชอบต่อประเทศ ต้องแสดงให้เห็นถึงจิตใจทางศาสนาของตน มีความรักศาสนา ประชาชาติและประเทศ เพราะคนชนรุ่นแล้วรุ่นเล่าได้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อช่วงชิงเอกราชและเสรีภาพของประชาชาติ”
ข้อกำหนดในกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาถูกระบุอย่างเป็นรูปธรรมและได้รับการปฏิบัติหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ โดยไม่ต้องรอเอกสารแนะนำ การบังคับใช้กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนามีส่วนร่วมปฏิบัตินโยบายของพรรคและรัฐเกี่ยวกับการค้ำประกันสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและการนับถือศาสนาของประชาชน และการต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพต่อกิจกรรมที่ฉกฉวยปัญหาความเลื่อมใสและศาสนามาเป็นข้ออ้าง สิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของประเทศเวียดนามต่อการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน.
Thu Hoa/VOV5