(VOVworld) - วันที่ ๑๓ และ ๑๔ ที่ผ่านม ประธานาธิบดีกรีชนาย คาโลส ปาปูลีอาสได้เรียกการประชุมผู้นำ ๓ พรรคการเมืองที่มีคะแนนนำในการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนดและพรรคเล็กอื่นๆเพื่อเจรจาเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลผสม  แต่ความพยายามของนายคาโลส ปาปูลีอาสยากที่จะกลายเป็นความจริงเพราะพรรคการเมือเงหลานี้งมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาล ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงที่กรีชต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไปใหม่และต้องออกจากยูโรโซน  สถานการณ์นี้ก็จะส่งผลกระทบต่อสหภาพยุโรปด้วย

นาย Alexis Tsiprasหัวหน้าพรรคไซรีซ่ากับนาย Antonis Samaras หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยไหม่ (Photo Internet)

การที่ประธานาธิบดีกรีชเป็นประธานในการเจรจากับพรรคการเมืองต่างๆเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมแสดงให้เห็นว่าวิกฤตการเมืองกำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในประเทศเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้  นับเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายของนายคาโลส ปาปูลีอาสเพื่อหลีกเลี่ยงการเลือกตั้งทั่วไปอีกคั้งในเดือนมิถุนายนนี้เนื่องจากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่อย่างช้าในวันที่ ๑๗ พฤษพาคมนี้  ซึ่งเป็นวันรัฐสภาของกรีชจัดการประชุมนัดแรก   สาเหตุของวิกฤตการเมืองในกรีชปัจจุบันมากจากการที่นาย อะเล็กซีส ทะซีปราส ประธานพรรคฝ่ายซ้ายไซรีซ่า ซึ่งเป็นหนึ่งใน ๓ พรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อกว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาปฏิเสธไม่เข้าร่วมรัฐบาลที่มีนโยบายปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆในการช่วยเหลือด้านการเงินของนานาประเทศที่มีต่อกรีช  พรรคไซรีซ่าอยากให้กรีชถอนตัวออกจากข้อตกลงการช่วยเหลือให้พ้นจากการล้มละลายที่ประเทศนี้ได้ลงนามกับสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศเมื่อปี ๒๐๑๐  จากผลการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกรีชในช่วงที่ผ่านมาสามารถเข้าใจท่าทีของพรรคไซรีซ่าได้อย่างชัดเจน  ข้อมูลทางเศรษฐกิจของกรีชในช่วงเวลา ๒ ปีปฏิบัตินโยบายรัดเข็มขัดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจของกรีชไม่เพียงแต่ไม่มีการขยายตัวเท่านั้น หากยังถดถอยอีกด้วย  และปีนี้เศรฐกิจของกรีชมีความเป็นไปได้ที่การขยายตัวจะลดลดอีกร้อยละ ๖ และอาจจะไม่ขยายตัวในปีหน้า แม้กระทั่งกรีชมีงบประมาณเพื่อจ่ายเงินเดือนและเงินบำนาญพอถึงเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น ขณะเดียวกัน อัตราคนว่างงานในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๒๑.๗ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง  ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวกรีชเห็นว่า มาตรการประหยัดการใช้จ่ายของสหภาพยุโรปสำหรับประเทศสมาชิกได้ทำให้สถานการณ์ในกรีชเลวร้ายลงยิ่งขึ้น    ดังนั้น การที่กรีชจะต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่เป็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่บรรดานักสังเกตการณ์ต่างเห็นตรงกันว่า หากกรณีนี้เกิดขึ้นจริงก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่หาทางออกไม่ได้ในปัจจุบันของกรีช   การสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของมาร์ค  อัลฟา ทีวี แสดงให้เห็นว่า หากกิดการเลือกตั้งจริงของพรรคไซรีซ่าจะได้คะแนนนำร้อยละ ๒๔ รองลงมาคือพรรคประชาธิปไตยใหม่ได้ร้อยละ ๑๗.๔ และพรรคปาซอกได้คะแนนเสียงสนับสนุนต่ำกว่าร้อยละ ๑๑   ผลการสำรวจปรากฎว่า ไม่มีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาล และจะตกเข้าสู่วงเวียนของการจัดตั้งรัฐบาลผสมเหมือนเดิม

บรรดาผู้สังเกตการณ์ต่างเห็นว่า การที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นหนึ่งเดียวจะส่งผลในทางลบต่อการช่วยเหลือรอบสองของสหภาพยุโรปที่มีต่อกรีชเนื่องจากไม่สามารถประกันได้ว่า กรีชจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้ลงนามกับสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งก็หมายความว่ากรีชเสี่ยงต่อการที่ต้องออกจากยูโรโซน  หากสถานการณ์นี้เกิดขึ้นจริงไม่เพียงแต่ค่าเงินสกูลภายในประเทศของกรีชลดลงอย่างรวดเร็ว เงินเฟ้อรุนแรงและอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจลดลงเท่านั้น หากส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจ การเงินและสังคมของประเทศที่ใช้เงินยูโร  จากตัวเลขในตลาดการเงินเอเชียเมื่อวันที่ ๑๔ ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นความผันผวนของตลาดเนื่องจากสถานการณ์ในกรีช โดยที่ตลาดโตเกียวเมื่อบ่ายวันเดียวกันหนึ่งเหรียญยุโรแลกได้ ๑.๒๘๘๘ เหรียญสหรัฐ และ๑๐๓.๐๗เยน เมื่อเทียบกับ๑.๒๙๒๑ เหรียญสหรัฐและ๑๐๓.๒๖ เยนที่ตลาดนิวยอคเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ความชงักงันทางการเมืองในกรีชก็ได้ส่งผลให้ได้มีการเทขายทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูง ทำให้เงินเหรียญออสเตรเลียมีอัตรการแลกเปลี่ยนเท่ากับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินเหรียญสหรัฐ  นับเป็นอัตราการแลกเปลี่ยนที่เท่ากันครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา  นาย โดซุก การากามา นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารมิซูโฮ คอเปอร์เรตระบุว่า ค่าเงินยูโรอาจจะลดลงต่อไปต่ำกว่า๑.๒๕ เหรียญสหรัฐและ๑๐๐ เยน หากพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายในกรีชต่อต้านมาตรการรดเข็มขัดได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งคั้งใหม่

สิ่งที่เกิดขึ้นในกรีชช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า การแก้ไขปัญหาความชะงักงันทางการเมืองในประเทศนี้ยังคงยากมาก กรีชกำลังประสบกับปัญหาที่การจัดตั้งรัฐบาลไม่ลงตัวเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ./.