เวียดนามต้องปฏิบัติมาตรการต่างๆอย่างพร้อมเพรียงเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ
็Hong Van/VOV5 -  
(VOVWORLD) - ในการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจสังคมในวันที่ 9 มิถุนายน บรรดาผู้แทนรัฐสภาได้กล่าวถึงหลายมาตรการเพื่อบรรลุเป้หมายการขยายตัวร้อยละ 6.7 ในปี 2017 รวมทั้งดึงดูดแหล่งเงินลงทุนนอกจากงบประมาณแผ่นดิน ปรับปรุงบรรยากาศการลงทุน พัฒนาตลาดขายปลีกและกำหนดให้การเกษตรคือหน่วยงานเศรษฐกิจหลัก
ภาพการประชุมรัฐสภา |
ในการหารือ บรรดาผู้แทนหลายคนได้เห็นพ้องกับรายงานของรัฐบาลโดยแสดงความเห็นว่า ในหลายเดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจเวียดนามสามารถฟันฝ่าอุปสรรค รักษาอัตราการฟื้นตัวและการพัฒนา และรักษาให้เศรษฐกิจมหภาคมีเสถียรภาพ แต่บรรดาผู้แทนยังเสนอให้ตีความเกี่ยวกับการบริหารเศรษฐกิจมหภาค ปัญหาราคาสินค้าเกษตรและเพิ่มการลงทุนให้แก่การพัฒนา อีกทั้งแสดงความสนใจเป็นพิเศษถึงบทบาทของเศรษฐกิจท้องถิ่น การวางผัง การเชื่อมโยงเขตและการปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานการเกษตร
มุ่งมั่นบรรลุเป้าหมายการขยายตัวจีดีพีร้อยละ 6.7 ในปี 2017
นาย เลกงดิ๋ง ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดลองอานได้แสดงความเห็นว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะไม่ปรับปรุงอัตราการขยายตัวร้อยละ 6.7 ซึ่งเพื่อปฏิบัติเป้าหมายนี้ ต้องผลักดันกระบวนการเบิกจ่ายเงินลงทุนจากงบประมาณแผ่นดิน รัฐบาลต้องประเมินสาเหตุของการเบิกจ่ายเงินที่ล่าช้าใน 6 เดือนที่ผ่านมาและผลักดันการเบิกจ่ายเงินจากงบประมาณแผ่นดินใน 6 เดือนที่เหลือ สำหรับแหล่งเงินลงทุนที่ไม่อยู่ในงบประมาณแผ่นดิน นาย เลกงดิ๋ง ได้แสดงความเห็นว่า “ต้องปฏิบัติมาตรการต่างๆอย่างพร้อมเพรียงเพื่อระดมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการผลิตและประกอบธุรกิจ รวมทั้งเงินตราต่างประเทศที่ส่งกลับประเทศเพื่อมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อระดมอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องธำรงเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะมาตรการควบคุมภาวะเงินเฟ้อ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การลงทุน ควบคู่กันนั้นคือปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนประกอบธุรกิจอย่างเข้มแข็ง อำนวยความสะดวกที่ดีที่สุดให้แก่ประชาชนในการสร้างฐานะ สำหรับการระดมเงินที่ส่งกลับประเทศเพื่อผลิตและประกอบธุรกิจ ต้องมีนโยบายให้สิทธิพิเศษเช่นเดียวกับการให้สิทธิพิเศษต่อเงินเอฟดีไอ พร้อมทั้งปกป้องสิทธิผลประโยชน์ของผู้ส่งและผู้รับเงินที่ส่งกลับประเทศ”
ควบคู่กับการปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนอย่างเข้มแข็ง รัฐบาลต้องจัดตั้งคณะปฏิบัติงานนำโดยสมาชิกของรัฐบาลเพื่อพบปะกับสถานประกอบการและแก้ไขอุปสรรคเกี่ยวกับกลไกนโยบาย ปัจจุบัน เรื่องนี้ได้รับการปฏิบัติในท้องถิ่นเท่านั้น ถ้าปฏิบัติสิ่งนี้ได้ก็จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับสถานประกอบการ
สำหรับการพัฒนาตลาดขายปลีกภายในประเทศ นาย ฝ่ามจ่องเญิน ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดบิ่งเยืองได้เสนอว่า “รัฐบาลต้องเร่งมีแผนการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ผลักดันการตรวจสอบกิจกรรมต่างๆผ่านนโยบายเพื่อค้ำประกันการปฏิบัตินโยบายที่เกี่ยวข้องถึงตลาดขายปลีกและแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพ อนุมัติและบังคับใช้กฎหมายให้การช่วยเหลือสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่ออำนวยความสะดวกให้สถานประกอบการเวียดนามเป็นฝ่ายรุกในการแข่งขันในตลาดขายปลีกกับสถานประกอบการต่างประเทศ สำหรับสถานประกอบการขายปลีกภายในประเทศ นอกจากต้องเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันกับสินค้าในห่วงโซ่การขายปลีกของสถานประกอบการต่างประเทศแล้ว การเชื่อมโยงก็ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อทวงคืนส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศ”
เพื่อให้เศรษฐกิจพัฒนา ต้องมีการพัฒนาอย่างเข้มแข็งของหน่วยงานประดิษฐ์คิดค้นเครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมประกอบ ดังนั้น รัฐบาลต้องมีนโยบายผลักดันความสามารถในการผลิตและประดิษฐ์คิดค้นของสถานประกอบการภายในประเทศ ปรับปรุงบรรยากาศการประกอบธุรกิจเพื่อผลักดันสถานประกอบการเอฟดีไอลงทุนและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่เวียดนาม นอกจากนั้น ต้องสร้างสรรค์สถานประกอบการด้านอุตสาหกรรมประกอบขนาดใหญ่เป็นการนำร่อง ก่อตั้งและพัฒนาสถานประกอบการด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
เวียดนามต้องปฏิบัติมาตรการต่างๆอย่างพร้อมเพรียงเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ |
ต้องกำหนดการเกษตรคือหน่วยงานเศรษฐกิจหลัก
ปัจจุบัน รัฐจัดงบร้อยละ 5.6 เพื่อลงทุนการเกษตรในขณะที่ส่วนร่วมของหน่วยงานการเกษตรในเศรษฐกิจคิดเป็นร้อยละ 18 ดังนั้น ผู้แทนรัฐสภาหลายคนได้เสนอให้รัฐบาลต้องกำหนดให้ด้านการเกษตรคือหน่วยงานเศรษฐกิจหลัก ซึ่งบนพื้นฐานนี้ ต้องลงทุนให้แก่การเกษตรมากขึ้น ควบคู่กันนั้นคือการแก้ไขปัญหาพื้นที่เกษตรและการพัฒนาการเกษตรให้มีความทันสมัย ตลอดจนมีกลไกส่งเสริมการลงทุนให้แก่อุตสาหกรรมหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อพัฒนาการเกษตรให้มีความทันสมัยและมีขอบเขตใหญ่ขึ้น นาง มา ถิ ถุย ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดเตวียนกวาง ได้แสดงความเห็นว่า “ต้องเปลี่ยนแปลงใหม่และปรับปรุงนโยบายกฎหมายเกี่ยวกับที่ดิน การถ่ายทอดประยุกต์ใช้และผลักดันการใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีในการผลิตและการบริหารการเกษตรให้มีความสมบูรณ์ เพราะถ้าใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีก็จะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาดโลก 2คือเน้นแหล่งพลังให้แก่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจลงทุนในด้านการเกษตร ยิ่งกว่าเวลาใดทั้งหมด พวกเราต้องมีนโยบายให้สิทธิพิเศษและเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างสรรค์ความเชื่อมโยงระหว่างเกษตรกรกับสถานประกอบการในห่วงโซ่ตั้งแต่การผลิต การแปรรูป ไปจนถึงการจำหน่ายอย่างยั่งยืน 3คือต้องพัฒนาตลาดตามแนวทางที่เปิดกว้างเพื่อให้สินค้าเกษตรทั้งภายในและต่างประเทศสามารถผสมผสาน แข่งขันและได้รับการจำหน่ายอย่งทั่วถึงเท่าเทียมกัน ซึ่งเพื่อปฏิบัติสิ่งนี้ การผลักดันการเชื่อมโยงระหว่างท้องถิ่นต่างๆในเขตและภูมิภาคในการส่งเสริมการค้าคือสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง”
นาง เจิ่น ถิ ฮวา รี ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดบากเลียวได้เสนอว่า “ต้องผลักดันการลงทุนให้แก่การเกษตรชนบท มีโครงสร้างและการจัดสรรปันส่วนการสนับสนุนจากส่วนกลางที่เหมาะสมและตรงกับเป้าหมายการลงทุนในปัจจุบัน อีกทั้งอำนวยความสะดวกเพื่อให้เกษตรกรสามารถประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อสนับสนุนการผลิต ให้ความสนใจการปรับปรุง ยกระดับสถานที่ปลูกพันธุ์พืช เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อจัดสรรให้สอดคล้องกับแต่ละเขตและนอกจากอุตสาหกรรมแปรรูป ต้องให้ความสนใจถึงการสร้างเครื่องหมายการค้าสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพสูง”
ปี 2017 รัฐสภาเวียดนามได้เห็นพ้องปฏิบัติเป้าหมายการขยายตัวร้อยละ 6.7 การปฏิบัติมาตรการต่างๆอย่างพร้อมเพรียงตั้งแต่การดึงดูดเงินลงทุน การพัฒนาตลาด ไปจนถึงการให้ความสนใจลงทุนในด้านที่เป็นจุดแข็ง นั่นคือปัจจัยสำคัญเพื่อที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้.
็Hong Van/VOV5