การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 ภายใต้หัวข้อ “การมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึงและความยั่งยืน”(Inclusivity and Sustainability) คือการยืนยันคำมั่นของอาเซียนในการสร้างสรรค์ประชาคมที่เชื่อมโยงและมุ่งสู่อนาคต

เสริมสร้างความสามัคคีและความเป็นหนึ่งเดียวในอาเซียน

ภายหลังเกือบ 60 ปีแห่งการสร้างสรรค์และพัฒนา อาเซียนยังคงเป็นจุดเด่นและพลังขับเคลื่อนของความร่วมมือพหุภาคี อาเซียนธำรงความร่วมมือและบรรลุผลงานที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอนุมัติวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนปี 2024

การเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจภายในกลุ่มและนอกกลุ่มได้รับการผลักดันผ่านเครือข่ายข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ ซึ่งกลไกต่างๆของอาเซียนได้รับการสนับสนุน ความสนใจและการเข้าร่วมของหุ้นส่วนต่างๆ โดยเฉพาะประเทศใหญ่ แต่อย่างไรก็ดี อาเซียนกำลังต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ที่นับวันดุเดือดมากขึ้นระหว่างประเทศใหญ่ต่างๆในภูมิภาค ซึ่งทำให้อาเซียนต้องส่งเสริมหลักการและหลักการปฏิบัติ ยกระดับทักษะความสามารถในการเตือนภัย การป้องกันและแก้ไขการปะทะ

ในสภาวการณ์นี้ ระเบียบวาระการประชุมของการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 จะเน้นถึงการเสริมสร้างความสามัคคีและความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียนผ่านการรับติมอร์ เลสเต เข้าเป็นประเทศสมาชิกลำดับที่ 11 ส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคงในภูมิภาค สนับสนุนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นมากขึ้นเพื่อแก้ไขความท้าทายด้านภูมิเศรษฐศาสตร์การเมือง  นาง Sarah Al Bakri Devadason เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำอาเซียนได้เผยว่า

“ในกรอบการประชุมครั้งนี้ เอกสารกว่า 84 ฉบับจะได้รับการอนุมัติ สิ่งที่น่าสนใจคือจะมีการจัดการประชุมสุดยอดเศรษฐกิจการค้าระหว่างอาเซียนกับ 5 ประเทศหุ้นส่วน ( RCEP ) นี่เป็นการประชุมนัดแรกตั้งแต่ข้อตกลงได้รับการจัดตั้งเมื่อปี 2022 ซึ่งเป็นโอกาสเพื่อให้บรรดาผู้นำหารือเกี่ยวกับวิธีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศต่างๆ สร้างบรรยากาศความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่เปิดเผยและรอบด้าน”

เพื่อส่งเสริมหัวข้อ “การมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึงและความยั่งยืน ” การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 มุ่งสู่การผสมผสานอย่างใกล้ชิดมากขึ้นของประชาคมอาเซียน เน้นสร้างสรรค์ประชาคมในหลายด้าน เช่น การมอบอำนาจให้แก่เยาวชน ความรู้เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ ปฏิบัติการเพื่อสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น อาเซียนยังส่งเสริมความสามัคคีและความร่วมมือภายในกลุ่ม ผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันกับหุ้นส่วนต่างๆ

เวียดนามพร้อมมีส่วนร่วมมากขึ้นและเป็นฝ่ายรุกมากขึ้น

ในตลอด 3 ทศวรรษที่เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน เวียดนามได้เข้าร่วมอย่างแข็งขัน พร้อมมีส่วนร่วมมากขึ้นและเป็นฝ่ายรุกมากขึ้นในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของอาเซียน ในฐานะเป็นประธานกลุ่มความคิดริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียนหรือ IAI ในปีนี้ เวียดนามเน้นปฏิบัติคำมั่นของตนต่อระเบียบวาระการประชุมการขยายตัวอย่างครอบคลุมของอาเซียน ภายใต้อำนวยการของเวียดนาม กลุ่ม IAI ได้จัดการประชุม 3 นัดเพื่อทำการตรวจสอบการปฏิบัติแผนการปฏิบัติงาน IAI 4 ในช่วงปี2021-2025 และแนวทางการจัดทำแผนการปฏิบัติงาน IAI 5 ในช่วงปี 2026-2030

นาย เกา กึมฮวน เลขาธิการอาเซียนและนาง Sarah Al Bakri Devadason เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำอาเซียนได้ชื่นชมบทบาทและส่วนร่วมของเวียดนามว่า 

“พลังของอาเซียนจะได้รับการธำรงเมื่อแต่ละประเทศสมาชิกพัฒนาอย่างเข้มแข็งและให้คำมั่นต่อการสร้างสรรค์ประชาคมในภูมิภาค ในสภาวการณ์ที่อาเซียนอนุมัติวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนปี 2045 ในปีนี้ บทบาทการเป็นผู้นำและส่วนร่วมที่แข็งขันของเวียดนามจะมีบทบาทที่สำคัญในการกำหนดอนาคตร่วมของอาเซียน” 

“ในปี 2025 ฟอรั่มอนาคตอาเซียนที่จัดโดยเวียดนามได้สร้างเวทีให้แก่บรรดาผู้นำในการหารือเกี่ยวกับอนาคตของอาเซียน ซึ่งความคิดริเริ่มนี้จะมีส่วนร่วมต่อการปฏิบัติวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนปี 2045 มาเลเซียหวังว่า ฟอรั่มนี้จะถูกจัดขึ้นต่อไปเพราะนี่เป็นโอกาสเพื่อให้บรรดาผู้นำอาเซียนพบปะกันและแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ ดิฉันคิดว่า เวียดนามมีส่วนร่วมเป็นอย่างมากให้แก่อาเซียนในตลอด 30 ปีที่ผ่านมาและแน่นอนว่า เวียดนามจะนำผลประโยชน์มาสู่อาเซียนมากขึ้น”

การที่ร่วมกับประเทศต่างๆเสริมสร้างความสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียนในสภาวการณ์ที่มีความผันผวนซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การยืนยันสถานะของอาเซียนในภูมิภาคและโลก มุ่งสู่ประชาคมอาเซียนที่เชื่อมโยงมากขึ้นและพึ่งตนเองมากขึ้นถือเป็นความพยายามและแนวทางของเวียดนามในการประชุมครั้งนี้และความร่วมมือในอาเซียน ซึ่งการเข้าร่วมของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 และการประชุมต่างๆที่เกี่ยวข้องเป็นการยืนยันว่า เวียดนามพร้อมมีส่วนร่วมมากขึ้นและเป็นฝ่ายรุกมากขึ้นต่อการพัฒนาของอาเซียน.