แรงงานและกรรมกรเวียดนามเปลี่ยนแปลงแนวคิดและเป็นฝ่ายรุกในการปรับตัวเพื่อผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างมีประสิทธิภาพ

การเข้าร่วมการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 คือแนวโน้มที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และไม่มีประเทศใดสามารถหลบเลี่ยงได้ รวมทั้งเวียดนาม ควบคู่กันนั้น การปฏิบัติข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่กับหุ้นส่วนเศรษฐกิจใหญ่ๆของโลก เช่นข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกหรือซีพีทีพีพีและข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปหรืออีวีเอฟทีเอยังสร้างความท้าทายต่อกองกำลังแรงงานและกรรมกรของประเทศ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใหม่แนวคิดและเป็นฝ่ายรุกในการปรับตัวคือทางเลือกที่กรรมกรและแรงงานเวียดนามไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในสถานการณ์ใหม่

เปลี่ยนแปลงแนวคิด

การพัฒนาที่เข้มแข้งของวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีในยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 และการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่กับเศรษฐกิจพัฒนาทำให้แรงงานเวียดนามต้องตอบสนองมาตรฐานที่เข้มงวดเกี่ยวกับคุณภาพสินค้า ผลิตภัณฑ์และการบริการ กรรมกรและแรงงานต้องมีทักษะวิชาชีพ มีความรู้และฝีมือดีเพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ ในการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับแถวขบวนกรรมกรและแรงงานเทคโนโลยีขั้นสูง ณ นครโฮจิมินห์เมื่อปีที่แล้ว นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุกได้ย้ำถึงความต้องการนี้ว่า “พวกเราพัฒนาประเทศไม่เพียงแต่อาศัยเงินทุนและค่าจ้างแรงงานที่ถูกเท่านั้น หากต้องอาศัย ผลิตภาพแรงงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แรงงานที่มีทักษะฝีมือดีคือกองกำลังสำคัญของประเทศ แรงงานเทคโนโลยีขั้นสูงจะสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะในยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 และเศรษฐกิจดิจิทัล”

เป็นฝ่ายรุกในการปรับตัว

เมื่อหลายปีก่อน พรรค รัฐและรัฐบาลเวียดนามได้มีแนวทาง นโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนการในระยะยาวและรอบด้านเกี่ยวกับการปรับตัวเข้ากับการปฏิวัติอุตสาหกรรม4.0  เช่นมติ 52 เมื่อวันที่ 27 กันยายนปี 2019 ของกรมการเมืองพรรคเกี่ยวกับแนวทาง นโยบายเป็นฝ่ายรุกในการเข้าร่วมการปฏิวัติอุตสาหกรรม4.0 การเตรียมพร้อมให้แก่การปฏิบัติข้อตกลงการค้าเสรีกับหุ้นส่วนเศรษฐกิจใหญ่ๆ นี่คือพื้นฐานทางนิตินัยและแนวทางสำคัญเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในขั้นพื้นฐานของกองกำลังแรงงาน และที่น่ายินดีกว่าคือ ความรู้และการตระหนักของแรงงานเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องเป็นฝ่ายรุกรับมือและเกาะติดความต้องการของยุคใหม่ได้รับการยกระดับให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นาย แอง ฟาน แอง ไฮ แรงงานที่ทำงานในบริษัท UNILEVER เวียดนามเป็นเวลากว่า 10 ปีเผยว่า “การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีมีความเกี่ยวของกับระบบอัตโนมัติ การแปลงเป็นดิจิทัลและการเพิ่มประสิทธิภาพโดยการใช้หุ้นยนต์รุ่นใหม่เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดกรรมกรเทคโนโลยีขั้นสูงและสิ่งนี้มาจากสถานประกอบการและเพื่อสถานประกอบการ รัฐบาลต้องระบุมาตรฐานให้สถานประกอบการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงระดับเขตเพื่อส่งเสริมสถานประกอบการระดับเขตลงทุนเครื่องจักรกลเทคโนโลยีขั้นสูง ต่อจากนั้นจะรับแรงงานเทคโนโลยีขั้นสูงและจัดการฝึกอบรมเพื่อสามารถใช้เครื่องจักรกลที่ทันสมัย”

ผลงานที่เป็นจริงคือจนถึงปัจจุบัน กองกำลังแรงงาน รวมทั้งกรรมกรเวียดนามได้ค่อยๆเข้าถึงและใช้เทคโนโลยี เครื่องจักรกล อุปกรณ์ที่ทันสมัยในโลก รวมทั้งเทคโนโลยีมือถือ 5G ซึ่งถือเป็นพื้นฐานและเสาหลักของการปฏิวัติอุตสาหกรรม4.0 นับวันมีหลายผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูงที่ได้มาตรฐานสากลได้รับการผลิตด้วยแหล่งพลังของกรรกรและแรงงานเวียดนาม ซึ่งเท่ากับการก่อตั้งกลุ่มบริษัท สถานประกอบการผลิตเครื่องจักรกล ประดิษฐ์คิดค้นและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของเวียดนาม อัตราแรงงานฝีมือดีมีส่วนเกี่ยวข้องที่ใกล้ชิดกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม4.0 สนับสนุนข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอและมั่นคงในทุกๆปีถึงแม้อัตราการเพิ่มขึ้นนี้ไม่สูงนักเท่าไหร่

ในมุมมองอื่น เมื่อหุ้นส่วนเศรษฐกิจโลกยอมรับการมุ่งสู่ข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่กับเวียดนาม กลุ่มบริษัทเศรษฐกิจใหญ่ๆตัดสินใจย้ายฐานการผลิตผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงมาเวียดนามก็เพราะพวกเขาเห็นถึงศักยภาพและความสามารถของแหล่งพลังแรงงานเวียดนาม ดังนั้น แถวขบวนกรรมกรและแรงงานเวียดนามสามารถมีความเชื่อมั่น ก้าวรุดหน้าผสมผสานเข้ากับโลก เผชิญและฟันฝ่าความท้าทายแห่งยุค เช่นการปฏิวัติอุตสาหกรรม4.0 หรือข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ ร่วมกับประชาชาติสร้างสรรค์ประเทศให้เจริญเข้มแข็งและร่ำรวยมากขึ้น./.