เรือประมงที่หมู่บ้าน หมุนแน้ จังหวัดเลิมด่ง

ในการขานรับเดือนปฏิบัติเพื่อต่อต้านการทำประมง IUU และเตรียมความพร้อมให้แก่การตรวจสอบครั้งสำคัญของคณะผู้แทนอีซีที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ พร้อมกับทั้งระบบการเมือง กองกำลังกลาโหมเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นทหารเรือ ตำรวจทางทะเล ทหารชายแดนและกองตรวจการประมงเวียดนามก็ได้ปฏิบัติมาตรการที่เข้มแข็งและเคร่งครัดมากขึ้น 

ความพยายามของกองกำลังกลาโหมในการต่อต้าน IUU ไม่ว่าจะเป็นการลาดตระเวนทางทะเล การควบคุมและตรวจสอบการเข้าออกของเรือตามท่าเรือต่างๆ การประชาสัมพันธ์เพื่อให้ชาวประมงมีความเข้าใจและปฏิบัติตาม ซึ่งทั้งหมดถือเป็นความมุ่งมั่นเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายยกเลิก “ใบเหลือง” ของอีซีโดยเร็วและพัฒนาอุตสาหกรรมการประมงเวียดนามให้มีความยั่งยืนและผสมผสานเข้ากับกระแสโลก

เรือประมงที่ท่าเรือติ๋งหว่า จังหวัดกว๋างหงาย

การเปลี่ยนแปลงที่น่ายินดีในความคิด

ณ ป้อมทหารชายแดนซาหวิ่ง จังหวัดกว๋างหงาย รูปแบบ “เสียงลำโพงประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการต่อต้านการทำประมง IUU” ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อชาวประมงในการทำประมงตามกฎระเบียบ นาง หวอถิห่งหาย ชาวตำบลดึ๊กโฝ จังหวัดกว๋างงาย สามารถจดจำทุกถ้อยคำรณรงค์ได้อย่างแม่นยำและเมื่อกลับบ้านหลังจากทำงานที่ท่าเรือ เธอก็บอกข้อมูลเหล่านั้นให้สามีรับทราบเพื่อให้เรือประมงของครอบครัวเธอเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติตามข้อกำหนดการทำประมง

“ดิฉันฟังหลายครั้งแล้ว จึงจำได้และพอกลับบ้านก็บอกให้สามีรู้ว่าอย่าทำประมงอย่างผิดกฎหมายในเขตน่านน้ำของต่างประเทศ เวลาออกเรือและกลับเข้าฝั่งก็ต้องยื่นเอกสารให้ครบ รวมถึงต้องรักษาการติดต่อสื่อสารและเปิดระบบติดตามเรือประมงตลอดเวลา”

ชาวประมงทำระเบียบราชการเพื่อให้เรือประมงเข้าเขตทะเลที่อยู่ภายใต้การควบคุมของป้อมทหารชายแดนทางทะเลซากี่

ควบคู่กับการปฏิบัติรูปแบบดังกล่าว กองกำลังทหารชายแดนในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศได้จัดการลาดตระเวนพร้อมกับการแจกใบปลิวประชาสัมพันธ์และอธิบายให้ชาวประมงเข้าใจว่า การไม่ลงรายละเอียดในสมุดบันทึกการเดินเรือหรือการออกนอกเขตน่านน้ำที่กำหนดนั้น ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อตัวชาวประมงเองเท่านั้น หากยังส่งผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมการประมงและชื่อเสียงของประเทศอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันชาวประมงตระหนักว่าการเขียนสมุดบันทึกหรือการเปิดอุปกรณ์ติดตามเรือประมงเป็นเรื่องที่จำเป็นและเป็นความรับผิดชอบที่ต้องปฏิบัติ

“ปัจจุบัน ชาวประมงที่ออกเรือต้องมีเอกสารครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นใบตรวจสภาพเรือประมง ใบอนุญาตการทำประมง ระบบติดตามเรือ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดต้องใช้งานได้อย่างต่อเนื่องและไม่ขัดข้อง ชาวประมงต้องมีความรับผิดชอบ ต้องเตรียมพร้อมอุปกรณ์และมีความรู้ ซึ่งแตกต่างจากอดีตเป็นอย่างมาก”

“เราทำประมงในท้องทะเล จึงได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่รัฐกำหนด โดยจะจับปลาเฉพาะในเขตทะเลที่กำหนด ไม่ออกนอกเขตที่ได้รับอนุญาต รัฐได้ให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ส่วนชาวประมงอย่างพวกเราก็มุ่งมั่นออกเรือจับปลาเพื่อมีส่วนร่วมปกป้องอธิปไตยทางทะเลและหมู่เกาะของประเทศเวียดนาม”

“ทุกครั้งก่อนที่จะออกทะเล เรือของครอบครัวผมจะรายงานต่อตำรวจชายแดน  เมื่อทางทหารชายแดนจัดการประชุมกับชาวประมง ผมก็เข้าร่วมทุกครั้ง ขณะนี้มีระบบติดตามเรือแล้ว จึงจะไม่มีใครกล้าทำการประมงอย่างผิดกฎหมายในเขตน่านน้ำต่างประเทศ ทุกคนปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นอย่างดี”

“ผมเขียนสมุดบันทึกการเดินเรือทุกเที่ยวเพื่อยื่นต่อทหารชายแดน ณ ท่าเรือ ซึ่งจะทำให้เราสามารถขายปลาที่จับได้ที่ท่าเรือ นอกจากนี้ เราก็ต้องเปิดอุปกรณ์ติดตามการเดินเรือตลอด 24 ชั่วโมง”

เรือ BP-09-12-01 สังกัดทีมเรือของป้อมทหารชายแดนทางทะเลจังหวัดกว๋างหงายพร้อมปฏิบัติภารกิจต่อต้าน IUU

ในตลอดกว่า 36 ปีที่ทำประมงในเขตทะเลลึก นาย บุ่ยวันอาน อายุ 60 ปี ชาวหมู่บ้านลี้หว่า ตำบลกวีเญินดง ซึ่งเป็น 1 ในเจ้าของเรือจำนวน 424 ลำในจังหวัดยาลายที่ต้องหยุดออกทะเลเพราะไม่ตอบสนองเงื่อนไขในการออกทะเล ซึ่งเขาตระหนักได้ดีว่า หากจงใจทำผิด ตนจะไม่เพียงแต่ถูกลงโทษหรือถูกห้ามออกเรือเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความพยายามของท้องถิ่นในการยกเลิก “ใบเหลือง” อีกด้วย

“สภาพเรือของผมคือ เครื่องยนต์ไม่ผ่านการตรวจสภาพ จึงไม่สามารถออกทะเลทำประมงได้ ซึ่งผมก็ปฏิบัติตามกฎระเบียบและนำเรือเข้าจอดที่ท่าเทียบเรือ”

นาย บุ่ยวันอาน (คนที่ 2 จากซ้าย) 1 ในเจ้าของเรือจำนวน 424 ลำในจังหวัดยาลายที่ต้องหยุดออกทะเลเพราะไม่ตอบสนองเงื่อนไขในการออกทะเล

นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน ป้อมทหารชายแดนทางทะเลทุกแห่งได้ร่วมตรวจสอบการทำประมงอย่างเข้มงวด โดยปฏิบัติมาตรการต่าง ๆ เพื่อต่อต้านการละเมิดกฎหมายตามระเบียบ IUU เช่น มอบหมายหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่เข้าร่วมทีมปฏิบัติการป้องกันและปราบปราม IUU ในแต่ละตำบลและแขวงริมฝั่งทะเล ประสานงานกับทางการท้องถิ่นในการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้ชาวประมงปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งเพิ่มการตรวจสอบที่ด่านตรวจชายแดนและไม่อนุญาตให้เรือที่ไม่ผ่านเกณฑ์ 3 ด้าน คือ ไม่จดทะเบียน ไม่มีใบตรวจสภาพเรือและไม่มีใบอนุญาตทำประมงออกทะเล นาวาโท เหงวียน ก๊วก เหียบ ผู้บริหารฝ่ายการเมืองป้อมชายแดน เญินลี้ กองบัญชาการทหารชายแดนยาลายกล่าวว่า

“เรากำลังรณรงค์ให้ประชาชน โดยเฉพาะเจ้าของเรือและไต้ก๋งลงนามให้คำมั่นและไม่ปล่อยให้เรือที่ไม่ผ่านเกณฑ์ออกทะเล ช่วยให้ในเขตทะเลที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเราในเวลาที่ผ่านมาไม่มีใครละเมิด IUU”

ทหารชายแดน เญินลี้ รณรงค์ให้ชาวประมงลงนามให้คำมั่นและไม่ปล่อยให้เรือที่ไม่ผ่านเกณฑ์ออกทะเล

ควบคู่กับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดของทหารชายแดนและสำนักงานที่เกี่ยวข้อง ชาวประมงทุกคนได้ตระหนักถึงการมีวินัยในตนเองและช่วยกันดูแลการปฏิบัติตามกฎระเบียบ นาย หวิ่งมิงเกี๋ยม ชาวประมงตำบลเด่ยี จังหวัดยาลาย ได้ร่วมกับชาวประมงอีกหลายๆ คนในตำบลฯ เข้าร่วมทีมชาวประมงสามัคคีกันบนทะเลเพื่อช่วยกันพัฒนาอาชีพทำประมงให้มีความยั่งยืน

"ห้ามละเมิดเขตน่านน้ำในการทำประมงและละเมิดกฎหมาย ถ้าหากปลาที่จับได้ในเขตทะเลในต่างประเทศ เราไม่สามารถส่งออกได้ ซึ่งเป็นการสร้างความเสียหายให้แก่ตนเองและชื่อเสียงของประเทศ ตัวผมเองและชาวประมงที่นี่ปฏิบัติตามกฎระเบียบเพื่อยุติใบเหลือง IUU และไม่ทำประมงในเขตน่านน้ำของประเทศอื่น"

ทหารชายแดนจังหวัด ยาลาย ให้การประชาสัมพันธ์ต่อชาวประมงเกี่ยวกับการต่อต้าน IUU

เมื่อออกทะเลทำประมง ชาวประมงจะเปิดระบบติดตาม VMS ตลอด 24 ชั่วโมง และคอยสังเกตอาณาเขตทางทะเลอยู่เสมอ อัพเดตกฎระเบียบใหม่ ๆ และปฏิบัติตามคำแนะนำของทหารชายแดน ตำรวจทะเลและเจ้าหน้าที่ตรวจการประมงอย่างเคร่งครัด ชาวประมงหลายคนบอกว่า พวกเขาตระหนักได้ดีถึงความรับผิดชอบของตนเองมากขึ้นในการปกป้องทรัพยากรทางทะเล

จากความตระหนักที่นำไปสู่การปฏิบัติ การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกของชาวประมงกำลังกลายเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายยกเลิก “ใบเหลือง” ของอีซีและพัฒนาอาชีพประมงที่มีความรับผิดชอบ ทันสมัยและยั่งยืน

พันเอก ด่าวบ๊าเหวียด (baohatinh.vn)

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา กองกำลังป้องกันประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพเรือ หน่วยยามฝั่ง หน่วยทหารชายแดน รวมถึงกองตรวจการประมง ได้มีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในความตระหนักของชาวประมงเกี่ยวกับการรับมือแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมหรือ IUU ต่อไปนี้ ขอเชิญทุกท่านรับฟังสาระในบทสัมภาษณ์พันเอก ด่าวบ๊าเหวียด (Đào Bá Việt) รองเสนาธิการกองเรือยามฝั่ง โดยสำหรับคำถามที่ว่า หน่วยยามฝั่งเวียดนามได้มีการดำเนินงานประชาสัมพันธ์อย่างไรในภารกิจดังกล่าว พันเอก ด่าวบ๊าเหวียดเผยว่า

“ในฐานะเป็นกองกำลังหลักในการป้องกันและรับมือปัญหา IUU ทางทะเล พวกเราได้ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ของกองทัพ ในการปฏิบัติตามมติ คำสั่ง และเอกสารแนะแนวการปฏิบัติคำชี้นำของนายกรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม และกองบัญชาการหน่วยยามฝั่งอย่างเคร่งครัด พร้อมส่งเสริมการบังคับใช้กฎระเบียบการประสานงานระหว่างหน่วยยามฝั่งเวียดนามกับกองกำลังอื่นๆ ในขณะเดียวกัน ยังมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานท้องถิ่นและสำนักข่าวต่าง ๆ เพื่อผลักดันการประชาสัมพันธ์และให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายแก่ประชาชน โดยเฉพาะชุมชนประมงริมชายฝั่ง เกี่ยวกับพื้นที่ทำการประมงที่ถูกกฎหมาย กฎระเบียบเกี่ยวกับการป้องกันและรับมือ IUU รวมถึงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระดับบทลงโทษสำหรับการละเมิดรูปแบบอื่น ๆ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ทางกฎหมายให้แก่ชาวประมงมากขึ้น

การปฏิบัติงานอย่างมุ่งมั่นและเคร่งครัดนั้นไม่เพียงแค่อยู่ในระดับส่วนกลางและทุกภาคส่วนเท่านั้น แต่ชาวประมงก็ต้องเข้าใจด้วยว่า นี่ไม่ใช่แค่การรับมือกับการตรวจสอบของ EC เท่านั้น แต่เป้าหมายการปลดใบเหลือง IUU ถือเป็นก้าวแรกสำหรับการเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมประมงที่ยั่งยืน

ในประเด็นที่ว่า เวียดนามกำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการยกเลิกใบเหลือง IUU เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการตรวจสอบรอบถัดไปของคณะกรรมาธิการยุโรป สำหรับหน่วยยามฝั่งเวียดนามได้มีการดำเนินงานเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างไร พันเอก ด่าวบ๊าเหวียดเผยว่า

สำหรับการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการยุโรปครั้งนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการตัดสินใจปลดใบเหลืองให้กับภาคอุตสาหกรรมประมงของเวียดนาม โดยเวียดนามได้พยายามอย่างเต็มที่ในการปฏิบัติตามคำแนะนำของ EC เกี่ยวกับการปรับปรุงกรอบกฎหมายด้านการแสวงหาประโยชน์จากการประมง พร้อมการบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มแข็ง เพื่อป้องกันไม่ให้เรือประมงผิดกฎหมายเข้าไปในพื้นที่น่านน้ำต่างประเทศอย่างเด็ดขาด ทำการตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ประมง มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการละเมิด IUU การเสริมสร้างงานประชาสัมพันธ์พร้อมความตระหนักรู้และการประสานงานระหว่างฝ่ายต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับระบบบริหารทางการเมือง หน่วยยามฝั่งเวียดนามยังคงส่งเสริมบทบาทหน้าที่หลักพร้อมความรับผิดชอบและความมุ่งมั่นในการป้องกันการทำประมง IUU ซึ่งพวกเราได้นำมาประยุกต์ใช้แนวทางการแก้ไขต่าง ๆ อย่างพร้อมเพรียงและมีประสิทธิภาพ

อย่างแรกคือ ส่งเสริมการประสานงานด้านการประชาสัมพันธ์และการให้ความรู้ทางกฎหมาย สร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน โดยเฉพาะชาวประมงเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบของ IUU และประโยชน์ของการต่อต้านการทำประมง IUU และกฎระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวกับบทการลงโทษผู้ฝ่าฝืน

แนวทางที่สองคือ ยกระดับทักษะความสามารถและความรับผิดชอบในการประสานงานระหว่างหน่วยงานปกครองท้องถิ่นและหน่วยงานสื่อสารมวลชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างระบบการบริหารจัดการแบบครบวงจร เพื่อเฝ้าติดตาม กำกับดูแล ตรวจสอบ และบริหารจัดการเรือประมงตั้งแต่ริมฝั่ง เพื่อให้มั่นใจว่า เรือประมงทุกลำได้รับการติดตามและตรวจสอบขณะออกทะเล

แนวทางที่สามคือ การคงกองกำลังลาดตระเวนและควบคุมพื้นที่ ควบคุมกิจกรรมของเรือประมงอย่างเข้มงวดและเพิ่มการเฝ้าติดตาม ตรวจจับเรือประมงที่ขาดการเชื่อมต่อ ตรวจสอบและจัดการเรือประมงที่ละเมิดกฎหมายการประมง IUU อย่างเคร่งครัด พร้อมควบคุมและป้องกันไม่ให้เรือประมงเข้าสู่เขตน่านน้ำของประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทำประมงอย่างผิดกฎหมาย

แนวทางที่สี่คือ ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมเรือประมงที่เข้า-ออกท่าเรือ เรือประมงที่เทียบท่า ปากแม่น้ำ ทางออกสู่ทะเล ร่องน้ำ และลำห้วยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ “เรือประมงสามศูนย์” ที่ปฏิบัติการมาเป็นเวลานานโดยไม่ได้กลับเข้าฝั่งของพื้นที่ พร้อมร่วมกันปราบปรามและจัดการการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการทำประมง IUU เพื่อให้การป้องปรามมีประสิทธิภาพ

ห้าคือ ประสานงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในกองทัพและหน่วยงานท้องถิ่นทุกหน่วย เพื่อจัดรอบพิเศษในการส่งเสริมการต่อสู้กับการทำประมง IUU อย่างเร่งด่วน และสุดท้าย พวกเรายังได้จัดพิธีเปิดตัวโครงการแข่งขันเพื่อป้องกันและปราบปรามการทำประมง IUU อย่างจริงจังภายในกองกำลังรักษาชายฝั่งทุกหน่วย

ส่วนหน่วยยามฝั่งเวียดนามได้ใช้เทคโนโลยีใดในการติดตามเรือประมงและป้องกันการทำประมง IUU สำหรับปัญหานี้ พันเอก ด่าวบ๊าเหวียด กล่าวว่า

ปัจจุบัน ด้วยการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หน่วยยามฝั่งเวียดนามได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการติดตาม การวิเคราะห์ข้อมูลแบบอัจฉริยะ และการติดตั้งอุปกรณ์พื้นฐานบนเรือของหน่วยยามฝั่ง ที่ศูนย์บัญชาการและในหน่วยงานต่างๆ เพื่อติดตาม กำกับดูแล พร้อมแยกกลุ่มเรือที่มีแนวโน้มหรือความเสี่ยงสูงที่จะฝ่าฝืน เพื่อป้องกันการการประมง IUU ได้อย่างทันท่วงที

อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เรดาร์ระยะไกลที่ช่วยตรวจจับและระบุตำแหน่งเป้าหมายได้ทั้งในตอนกลางวันและกลางคืน รวมถึงสภาพอากาศที่ซับซ้อน พร้อมระบบกล้องอินฟราเรดเพื่อบันทึกและติดตามกิจกรรมของเรือประมงในทะเลแบบเรียลไทม์ โดยระบบ IOS จะถูกติดตั้งเพื่อตรวจจับและติดตามพาหนะโดยรอบ ดังนั้น อุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ได้ช่วยให้หน่วยลาดตระเวนและควบคุมของหน่วยยามฝั่งฯ สามารถรับรู้สถานการณ์ของเรือประมงโดยรอบและเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วเพื่อระบุการละเมิดและจัดการกับปัญหาเหล่านั้นในพื้นที่ได้อย่างทันการณ์

ในเวลาข้างหน้า พวกเราจะดำเนินการปรับปรุงระบบลาดตระเวนอิเล็กทรอนิกส์ จัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบ เช่น บิ๊กดาต้า ควบคู่กับเทคโนโลยีดาวเทียม UAV และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการตรวจสอบและระบุประเภทการละเมิด IUU ซึ่งมีส่วนช่วยในการปกป้องอำนาจอธิปไตยเหนือทะเลและเกาะแก่ง ตลอดจนการค้ำประกันความมั่นคงและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเขตน่านน้ำของเวียดนาม รวมถึงการพัฒนาด้านการประมงอย่างยั่งยืน

ผู้นำทหารชายแดน ซอกจัง ลงพื้นที่ให้กำลังใจชาวประมงและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ IUU

มุ่งมั่นตั้งใจยกเลิกใบเหลือง IUU พัฒนาอาชีพประมงอย่างยั่งยืน

ตามท่าเรือใหญ่ๆ ทั่วประเทศ เช่น กวีเญิน ก่าเมา ฟู้เอียนและเกียนยาง การตรวจสอบการเข้าออกของเรือประมง การลงรายงานในสมุดบันทึก การติดตั้งและเปิดระบบติดตามเรือ การออกใบอนุญาตการทำประมง การตรวจสอบแหล่งที่มาของสัตว์น้ำ เป็นต้น ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น จนถึงขณะนี้ มีเรือประมงที่ได้จดทะเบียนและอัพเดทข้อมูลในฐานข้อมูลอาชีพประมงของประเทศถึงร้อยละ 99.9 จากจำนวนเรือประมงทั้งหมดทั่วประเทศราว 80,000 ลำ และมีเรือประมงที่ได้รับใบอนุญาตทำประมงกว่าร้อยละ 96 จากจำนวนเรือประมงที่ผ่านเกณฑ์ โดยหลายจังหวัดสามารถระบุตัวและมอบใบอนุญาตการทำประมงให้แก่เรือประมงทั้งหมดแล้ว ซึ่งถือเป็นความพยายามของทั้งระบบการเมือง โดยนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เป็นผู้ชี้นำโดยตรงและได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ทุกสัปดาห์ โดยในการประชุมเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำว่า

“ผู้นำกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต้องรับผิดชอบโดยตรงและรอบด้านต่อรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีถ้าหากปล่อยให้เกิดกรณีเรือประมงละเมิดกฎระเบียบก็จะส่งผลให้ต้องใช้เวลามากขึ้นในการแก้ไขปัญหาใบเหลือง IUU  มีการเน้นชี้นำและบริหารอย่างเคร่งครัดในเดือนต่อต้าน IUU และใช้ทุกวิธีการเพื่อยุติการทำประมงอย่างผิดกฏหมาย พัฒนาการทำประมงอย่างมีความรับผิดชอบและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการประมงเวียดนามให้มีความยั่งยืน เพื่อชื่อเสียงของประเทศ ประชาชาติและผลประโยชน์ของประชาชน”

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กำชับให้ฟื้นฟูการผลิตและปรับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในภาคกลางให้เป็นปกติโดยเร็ว

ควบคู่กันนั้น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลได้ช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการควบคุมและตรวจสอบ IUU เครือบริษัทอุตสาหกรรมและโทรคมนาคมกองทัพหรือเวียดเทลได้พัฒนาระบบติดตามเรือประมง และระบบระบุตำแหน่งที่ประสานข้อมูลแบบบูรณาการระหว่างท้องถิ่นกับส่วนกลาง โดยแพลตฟอร์มดิจิทัลของเวียดเทลได้ช่วยให้ชาวประมงสามารถอัพเดทการเดินเรือประมงแบบเรียลไทม์และแจ้งเตือนเมื่อสัญญาณเรือขาดหายหรือมีความเสี่ยงออกนอกเขตน่านน้ำ รองเสนาธิการใหญ่กองทัพประชาชนเวียดนาม เล กวาง ด๋าว เผยว่า

“เครือบริษัทเวียดเทลได้ร่วมกับทหารชายแดนและกระทรวงการเกษตรและสิ่งแวดล้อมแปลงข้อมูลของเรือประมงทั้งหมดไปสู่รูปแบบดิจิทัล และร่วมมือกับกระทรวงความมั่นคงสาธารณะอัพเดทข้อมูลเหล่านี้ในระบบ VneID เพื่อสามารถควบคุมการเข้าออกท่าเรือได้อย่างสมบูรณ์ผ่านการแจ้งข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ท่าเรือในเวลาที่จะถึง”

รองเสนาธิการใหญ่กองทัพประชาชนเวียดนาม เล กวาง ด๋าว

กระบวนการแปลงข้อมูลดังกล่าวของเครือบริษัทเวียดเทลได้ช่วยเปลี่ยนแปลงใหม่การบริหารอาชีพประมงให้มีความทันสมัยมากขึ้น พร้อมทั้งสร้างสถานะการเป็นฝ่ายรุกที่ช่วยให้เวียดนามยกระดับทักษะความสามารถในการตรวจสอบและตอบสนองข้อเสนอต่างๆ ของอีซีเกี่ยวกับการต่อต้าน IUU

สำหรับกองกำลังบังคับใช้กฎหมายทางทะเล โครงการ “ตำรวจทะเลเดินพร้อมกับชาวประมง” ได้ย่างเข้าสู่ปีที่ 9 แล้ว โดยมีประสิทธิภาพอย่างชัดเจน หลังจากที่ได้รับการประชาสัมพันธ์ ชาวประมงก็มีความมั่นใจมากขึ้นในการออกเรือทำประมง มีส่วนร่วมปกป้องความมั่นคงและอธิปไตยทางทะเลและเกาะแก่งของประเทศ พลโทอาวุโส ท้ายด๋ายหงอก รองเสนาธิการใหญ่กองทัพประชาชนเวียดนาม หัวหน้าคณะกรรมการชี้นำของกระทรวงกลาโหมเกี่ยวกับการต่อต้าน IUU ยืนยันว่า

“กองทัพได้ประสานงานกับทางการท้องถิ่นและสำนักงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อเพิ่มการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายให้แก่เจ้าของเรือ ไต้ก๋งและชาวประมง ให้ปฏิบัติตามแนวทางของพรรค นโยบายและกฎหมายของรัฐ พร้อมทั้งประสานงานกับทหารชายแดนและตำรวจทะเลควบคุมเรือประมงที่ไม่ตอบสนองเงื่อนไขต่างๆ อย่างเข้มงวด”

พลโทอาวุโส ท้ายด๋ายหงอก (VNA)

ในการเดินพร้อมกับทั้งประเทศเพื่อพยายามยกเลิก “ใบเหลือง” ของอีซี ท้องถิ่นริมฝั่งทะเลต่าง ๆ ได้เป็นฝ่ายรุกปฏิบัติมาตรการต่างๆ เช่น มีนโยบายเปลี่ยนอาชีพ สนับสนุนเจ้าของเรือที่ไม่ทำอาชีพประมงอีก ตรวจสอบและอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับเรือประมงในฐานข้อมูลอาชีพประมงแห่งชาติ เป็นต้น

การประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างกองทัพกับทางการปกครองท้องถิ่นกำลังสร้างความเข้มแข็ง ช่วยลดการละเมิดข้อกำหนด เพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัตและสร้างความไว้วางใจต่อชาวประมงมากขึ้นในการทำประมงในเขตน้ำลึกและร่วมกันยกเลิกใบเหลือง IUU ของอีซีในเวลาที่จะถึง