(VOVWORLD) - ไม่เพียงแค่สร้างแบรนด์สินค้าน้ำตาลปี๊บในตลาดภายในประเทศเท่านั้น ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา นาง เจาหงอกหยิว อาศัยในจังหวัดอานยาง ได้ก่อตั้งสำนักงานตัวแทนบริษัท ปาล์มาเนีย จอยท์ สต็อก ในประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อใช้สนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำตาลโตนดของท้องถิ่น ตรา “Palmania” ไปยังตลาดยุโรป ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์น้ำตาลโตนดของชนเผ่าเขมรในเขตไบ๋นุ้ย จังหวัดอานยาง
เจาหงอกหยิว – หญิงชนเผ่าเขมรเจ้าของธุรกิจส่งออกน้ำตาลโตนด (VNA) |
หลังจากสำเร็จการศึกษาและทำงานมาหลายปีในนครโฮจิมินห์ เมื่อปี 2017 นาง เจาหงอกหยิว สาวชนเผ่าเขมรวัย 30 อาศัยที่อำเภอจีตน จังหวัดอานยาง ได้ตัดสินใจเริ่มธุรกิจสตาร์ทอัพด้วยการทำกากน้ำตาลโตนด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมและอาหารพื้นเมืองของชาวบ้านเขตไบ๋นุ้ยในจังหวัดอานยาง โดยเมื่อเดือนมิถุนายน 2017 นางหยิว ได้ร่วมกับเพื่อนสองคนของเธอก่อตั้งบริษัท ปาล์มาเนีย จอยท์ สต็อก ที่นครโฮจิมินห์ เพื่อรับซื้อ แปรรูป และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำจากน้ำตาลโตนด จนถึงเดือนสิงหาคม 2019 บริษัทฯ ได้ย้ายออฟฟิศไปที่หมู่บ้านจีตน อำเภอจีตน โดยนาง เจาหงอกหยิว ได้ตัดสินใจลงทุนขยายกิจการและขนาดการผลิต ด้วยเป้าหมายที่อยากใช้ประโยชน์จากศักยภาพของน้ำตาลโตนดมากขึ้น ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เธอเริ่มดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพนี้
“ฉันได้ตั้งชื่อให้ผลิตภัณฑ์ว่า Palmania มาจากคำว่า “Pal” ในภาษาเขมรคือ “ต้นตาล” ส่วน “Mania” หมายความว่า “หลงไหล” โดยทีมงานมีความประสงค์ที่อยากนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ทำจากความรักต่อธรรมชาติและต้นปาล์ม พร้อมนำมูลค่าเพิ่มของต้นตาลให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น”
พื้นที่เขตไบ๋นุ้ยในจังหวัดอานยาง มีสภาพดินที่เอื้อต่อการปลูกต้นตาล ดังนั้น น้ำตาลโตนดจึงมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และตั้งแต่อดีต ชาวบ้านชนเผ่าเขมรที่นี่ได้ปลูกและใช้ประโยชน์จากต้นตาลเพื่อให้น้ำตาลกลายเป็นสินค้าขึ้นชื่อของท้องถิ่น แต่ยังไม่มีการจดแบรนด์และวางจำหน่ายอย่างกว้างขวางในตลาด
“การประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพและสร้างอาชีพพื้นเมืองเกี่ยวกับน้ำตาลโตนดเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทายมากมาย สำหรับฉัน ความท้าทายที่หินที่สุดในช่วงแรกคือ การเข้าไปพูดคุยและชักจูงให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต รวมถึงการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและเทคนิคในการผลิตสินค้าพื้นเมืองแบบดั้งเดิม ยิ่งไปกว่านั้น ชนเผ่าเขมรในเขตไบ๋นุ้ย จังหวัดอานยาง ยังคงอนุรักษ์อาชีพทำกากน้ำตาลโตนดด้วยวิธีแบบธรรมชาติตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งกำลังสูญหายไป ปัจจุบัน มีเหลือไม่กี่คนที่ยังจำและสามารถทำตามวิธีแบบดั้งเดิมได้ ซึ่งยิ่งทำให้การเรียนรู้ประสบการณ์จากคนรุ่นก่อนๆ ยากขึ้นไปอีก”
สำหรับต้นตาล ต้องใช้เวลากว่า 25 ปีถึงจะออกผล (VNA) |
แต่โชคดีที่มีหลายครอบครัวเกษตรกรยังรักอาชีพนี้และพร้อมให้ความร่วมมือ รวมถึงการสนับสนุนจากกลุ่มอาจารย์ของมหาวิทยาลัยอานยางและหน่วยงานปกครองท้องถิ่น ทำให้นางหยิว มีความมั่นใจมากขึ้นในการพัฒนาสินค้า
“อย่างแรกคือต้องรักษาคุณภาพของน้ำหวานหลังเก็บให้สด เพื่อให้กากน้ำตาลโตนดเข้มข้นมีคุณภาพคงที่และสม่ำเสมอในแต่ละรอบการผลิต พร้อมประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรเพื่อช่วยลดการใช้แรงคน อีกอย่างคือ การรักษาระดับความหนืดเหนียวเข้มข้นของน้ำหวานโดยใช้ไฟไม่สูงเกิน เพื่อคงคุณค่าของวิตามินและแร่ธาตุเอาไว้”
สำหรับต้นตาล ต้องใช้เวลากว่า 25 ปีถึงจะออกผล ดังนั้น ต้องวิจัยวิธีการทำให้การผลิตด้วยวิธีดั้งเดิมสามารถรักษาคุณค่าทางโภชนาการได้ด้วย แต่ยังยกระดับประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้น ด้วยการประยุกต์ใช้วิธีการผลิตแบบธรรมชาติของบริษัท ปาล์มาเนีย ไม่เพียงแค่ช่วยปกป้องสุขภาพของผู้ที่เก็บเกี่ยวและแปรรูปน้ำหวานจากต้นตาลโดยตรง แต่ยังรักษาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน นาง เนอางกิมแซง ครัวเรือนที่ได้ร่วมงานกับนางหยิว มาแล้ว 4 ปี เผยว่า
“เมื่อผลิตตามวิธีดั้งเดิม ทำให้การกวนน้ำตาลให้ข้นเหนียวต้องใช้เวลาเยอะขึ้น ทางบริษัท ปาล์มาเนีย ได้สนับสนุนเครื่องจักรหลายเครื่อง เพื่อให้ครัวเรือนทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น”
ทั้งนี้ นางหยิว ได้ลงทุนซื้อเครื่องจักรและเข้าร่วมโครงการสตาร์ทอัพและงานแสดงสินค้าต่างๆ เพื่อแนะนำสินค้าให้ผู้บริโภครู้จักมากขึ้น ควบคู่กับการเข้าร่วมประกวดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในนั้นคือการคว้ารางวัล 2 ดาวในการประกวด Great Taste Awards ซึ่งเปรียบเสมือนรางวัลออสการ์แห่งวงการอาหาร ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2020 และกากน้ำตาลโตนดข้นเหนียว คว้ารางวัล 1 ดาวเมื่อปี 2021 ล้วนสร้างแรงบันดาลใจให้เธอและบริษัท ปาล์มาเนีย จอยท์ สต็อก ยืนหยัดเส้นทางในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เพื่อนำผลิตภัณฑ์น้ำตาลโตนดจังหวัดอานยางสู่ตลาดโลก./.