การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มุ่งสู่เป้าหมาย 1 แสน 4 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
Xuan Lan + Anh Huyen -  
(VOVWORLD) - ในสภาวการณ์ที่ภูมิรัฐศาสตร์และเทคโนโลยีโลกเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เวียดนามกำลังค่อยๆ เปลี่ยนผ่านจากการเป็น “โรงงานผลิต” มาเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของภูมิภาค ด้วยมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บรรลุกว่า 1 แสน 2 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว บวกกับจำนวนศูนย์วิจัยและพัฒนาจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น เวียดนามจึงตั้งเป้าที่จะบรรลุมูลค่าการส่งออกในภาคการผลิตนี้อยู่ที่ 1 แสน 4 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นาง โด๋ถิถวีเฮือง สมาคมผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์เวียดนาม (viettimes.vn) |
มูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของเวียดนามในปี 2024 บรรลุเกือบ 1 แสน 2 หมื่น 6 พัน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1 หมื่น 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปี 2023 ส่วนในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ มีมูลค่าประมาณ 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุดของประเทศ
เพื่อให้บรรลุผลงานนี้ นอกจากยุทธศาสตร์ของรัฐบาลแล้ว ยังมีการเป็นฝ่ายรุกของสถานประกอบการแต่ละแห่งอีกด้วย เช่น บริษัทร่วมทุนเทคโนโลยี VNPT ได้ตระหนักในหน้าที่เป็นฝ่ายรุกในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิตและการบริหารควบคุมระบบการผลิต โดยจนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ มี 7 สายการผลิต SMT ที่ใช้เทคโนโลยี Surface Mount ซึ่งเป็นการยึดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กโดยตรงบนพื้นผิวของแผงวงจร ในเขตไฮเทคหว่าหลาก และกำลังจะติดตั้งเพิ่มอีก 10 สายในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังรับจ้างผลิตสินค้าส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ สาธารณรัฐเกาหลีและตลาดอื่นๆ นาย เจิ่นดึ๊กหว่า รองผู้อำนวยการฝ่ายขายของบริษัทเทคโนโลยี VNPT เผยว่า
“บริษัทเทคโนโลยี VNPT ได้ปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI และ IoT ในกระบวนการผลิต บริษัทฯ ได้ลงทุนหุ่นยนต์หลายตัวที่ประกอบฝาอัตโนมัติ ขันสกรูอัตโนมัติ สลักด้วยเลเซอร์ กล้องที่ประเมินรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์อัตโนมัติ และหุ่นยนต์ที่ทดสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์อัตโนมัติ คาดว่า ในปีนี้และปีต่อๆ ไป บริษัทเทคโนโลยี VNPT จะยังคงลงทุนหุ่นยนต์อัตโนมัติมากขึ้นเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล และส่งเสริมระบบอัตโนมัติเพื่อลดการพึ่งพาแรงงาน”
ในขณะเดียวกัน แหล่งพลังที่ลงทุนด้านการผลิตในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในเวียดนามกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากโครงการต่างๆ ที่ได้ลงทุนและกำลังจะเริ่มดำเนินการ รวมถึงโครงการต่างๆ ที่เตรียมเข้ามาเวียดนาม เช่น Foxconn ที่มีเงินลงทุน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเริ่มดำเนินการผลิตและประกอบธุรกิจอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2027 โรงงานแห่งที่ 3 ในเวียดนามของเครือบริษัท Pegatron ไต้หวัน ที่มีเงินลงทุนรวม 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่า จะลงทุนในไฮฟองในช่วงปี 2025-2026 ซึ่งโครงการเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างสถานะของเวียดนามในฐานะศูนย์กลางการส่งออกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีในห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีระดับโลก และยังเป็นแรงผลักดันการเติบโตด้านการส่งออกของภาคการผลิตนี้อีกด้วย นาง โด๋ถิถวีเฮือง จากสมาคมผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์เวียดนามกล่าวว่า
“สถานประกอบการอิเล็กทรอนิกส์ FDI ที่มีคุณภาพหลายแห่งได้เข้ามาลงทุนในเวียดนาม ซึ่งสร้างโอกาสและสนับสนุนสถานประกอบการเวียดนามพัฒนาเป็นซัพพลายเออร์ในห่วงโซ่อุปทานเหล่านั้น เช่น ซัมซุงได้จัดโครงการฝึกอบรมให้แก่สถานประกอบการภายในประเทศเพื่อส่งเสริมความเจริญรุ่งเรือง สร้างโอกาสให้แก่สถานประกอบการเวียดนามเพื่อเข้าร่วมห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่ายินดีอย่างยิ่ง”
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีงานอีกมากที่ต้องปฏิบัติเพื่อเปลี่ยนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของเวียดนามจากศูนย์ประกอบชิ้นส่วนไปสู่ประเทศผลิตที่มีฐานการผลิตในเชิงลึก นาย เจิ่นกวี๊เหี่ยน ซีอีโอ ของ EcomStone แสดงความเห็นว่า
“เราจำเป็นต้องมีแผนการที่ครอบคลุม นอกจากแนวทางของรัฐแล้ว ยังต้องมีนโยบาย กฎหมายและกลไกทางภาษีเพื่อกระตุ้นให้สถานประกอบการพัฒนาในด้านนี้ เน้นลงทุนในเขตเทคโนโลยีขั้นสูงที่สำคัญ ควบคู่กับความร่วมมือของโรงเรียน สถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยเพื่อฝึกอบรมวิศวกรและกรรมกรที่มีทักษะฝีมือดี และส่งเสริมท้องถิ่นที่มีจุดแข็งเพื่อผลิตและส่งออก”
ตามความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ สภาวการณ์ในปัจจุบันคือโอกาสเพื่อให้เวียดนามปรับปรุงโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและขยายตลาดผ่านข้อตกลงการค้าเสรีหรือFTA รุ่นใหม่ 17 ฉบับที่รัฐบาลเวียดนามได้ลงนามกับเกือบ 70 เศรษฐกิจ และอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเพื่อผลักดันการผลิต นี่คือข้อได้เปรียบของเวียดนาม ซึ่งนอกจากที่ ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีภาคอุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีความคล่องตัว เวียดนามยังมีตลาดภายในประเทศที่มีประชากรกว่า 100 ล้านคน และสามารถเข้าถึงตลาดอาเซียนที่มีประชากร 600 ล้านคนได้โดยสะดวก ซึ่งเป็นตลาดส่งออกระหว่างประเทศขนาดใหญ่เนื่องจากมีข้อตกลงการค้าเสรีหรือ FTA กับหลายประเทศทั่วโลก สิ่งเหล่านี้เป็นเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยให้เวียดนามส่งเสริมการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นฝ่ายรุกในการเปลี่ยนผ่านจาก “โรงงานผลิต” ไปสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของภูมิภาค.
Xuan Lan + Anh Huyen