(VOVWORLD) - การเป็นเจ้าของธุรกิจ เชื่อมโยงและสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ผ่านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์คือวิธีการที่กลุ่มเกษตรกรสตรีในจังหวัดเซินลาปฏิบัติจนประสบความสำเร็จ นำไปสู่การจัดตั้งกลุ่มสหกรณ์ ซึ่งรูปแบบความสำเร็จนี้กำลังได้รับเผยแพร่ไปสู่ท้องถิ่นต่าง ๆ
 สมาชิกสหกรณ์กาแฟอารา-ไท (baosonla.vn) |
จากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าของเขตเขาในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ สหกรณ์กาแฟอารา-ไท (Ara-Tay Coffee) ในตำบลเหมื่องแชงได้สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์กาแฟอารา-ไทที่ได้รับมาตรฐาน OCOP 4 ดาวของจังหวัดเซินลา นาง เกิ่มถิหม่อน ผู้อำนวยการสหกรณ์ฯ กล่าวว่า นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2020 สหกรณ์ฯได้ยึดมั่นแนวคิดสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์กาแฟที่เชื่อมโยงกับผืนแผ่นดิน ผู้คนและความงามแบบดั้งเดิมของเซินลาและเขตตะวันตกเฉียงเหนือ
“ธรรมชาติและสภาพอากาศเอื้ออำนวยให้เซินลาปลูกต้นกาแฟอาราบิก้านี้ เราเลือกชื่อสหกรณ์คือ กาแฟอารา-ไท ซึ่งคำว่า “อารา” ย่อมาจากอาราบิก้า ส่วน “ไท” แปลว่า ชนเผ่าไท และความเอาใจใส่ของสตรีในเขตตะวันตกเฉียงเหนือ”
นาง เกิ่มถิหม่อน และสตรีชนเผ่าไทคนอื่นๆ ที่นี่ ไม่เพียงแต่ร่วมกันจัดตั้งสหกรณ์เท่านั้น หากยังเชื่อมโยงกับครัวเรือนเกษตรกรกว่า 300 ครัวเรือนเพื่อสร้างห่วงโซ่การผลิตที่ยั่งยืน เปลี่ยนแนวคิดและวิธีการทำเกษตร มุ่งสู่การผลิตกาแฟพิเศษที่มีคุณภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์กาแฟเซินลา นาง เกิ่มถิหม่อน เล่าว่า
“เมื่อก่อน เราปลูกกาแฟ เก็บผลผลิตและแปรรูปด้วยมือ คุณภาพและราคาไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่หลังจากก่อตั้งสหกรณ์ เราได้ปลูกและแปรรูปกาแฟชนิดพิเศษ ติดตั้งโรงเรือน และครัวเรือนจัดสรรเมล็ดกาแฟสุก เราจึงเก็บเกี่ยวเมล็ดสุก 100% ส่งผลให้ราคาเมล็ดกาแฟสูงขึ้น ปัจจุบัน กาแฟกลายเป็นพืชหลักของเกษตรกร ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ มีบ้านเรือนที่โอ่โถง กว้างขวาง และลูกหลานได้ไปโรงเรียน ชีวิตไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อนที่ปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลัง”
ด้วยการเป็นท้องถิ่นที่มีศักยภาพสูงด้านสมุนไพร นาง ห่าถิถวน ในตำบลเตื่องห่า จังหวัดเซินลายังได้ลงทุนด้านการวิจัย การเรียนรู้และประสบความสำเร็จในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ปลอดสารพิษเพื่อสุขภาพในท้องถิ่น
“ดิฉันเคยเป็นโรคตับแข็งระยะที่ 2 และใช้ยาหลายชนิด รวมถึงยาสมุนไพรจากต้นปอเต่าไห้ (Helicteres hirsuta Lour) หลังจากใช้ได้ผลดีและอาการดีขึ้น ดิฉันจึงคิดที่จะใช้สมุนไพรนี้สนับสนุนการรักษาโรคของคนในครอบครัวและชาวบ้าน ดังนั้น ดิฉันจึงตัดสินใจเดินหน้าใช้ยาสมุนไพรนี้และทำการผลิตในเชิงการค้า”
จากการได้ช่วยเหลือตนเองและครอบครัว เมื่อปี 2019 นาง ห่าถิถวน ได้ตัดสินใจทำธุรกิจสตาร์ทอัพ ก่อตั้งสหกรณ์เอวียนถวน ลงทุนโรงงานผลิตและสร้างแบรนด์ให้แก่ผลิตภัณฑ์ เมื่อปลายปี 2020 ผลิตภัณฑ์สมุนไพรปอเต่าไห้ของสหกรณ์ได้รับใบรับรองผลิตภัณฑ์ OCOP 4 ดาวในระดับจังหวัด พร้อมกับสมุนไพรนานาชนิด เช่น ยาบำรุงเลือด ชาต้นปอเต่าไห้ น้ำมันหอมระเหยตะไคร้ แชมพูสมุนไพร และสมุนไพรพอกหน้า เป็นต้น โดยมีผลิตภัณฑ์ 3 รายการที่ได้รับใบรับรอง OCOP ระดับ 3 ดาว นาง ห่าถิถวน เล่าว่า
“หลังจากผลิตสินค้าแล้ว ดิฉันได้นำไปแลกเปลี่ยนกับชาวบ้าน หลายคนเข้ามาดูและเห็นว่า ผลิตภัณฑ์นี้มีประโยชน์ ดิฉันจึงนำสินค้าไปจำหน่ายในตลาด ต่อมา ท้องถิ่นมีโครงการจำหน่ายสินค้า OCOP ดิฉันจึงลงทะเบียนและเข้าร่วมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้ สินค้าต้องมีคุณภาพและแบรนด์จึงจะเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมากได้”
ด้วยการเป็นฝ่ายรุกในการเชื่อมโยงตลาดอย่างแข็งขัน ตั้งแต่การขายตรงไปจนถึงการประชาสัมพันธ์และแนะนำผลิตภัณฑ์บนโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ บวกกับการสนับสนุนจากท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรของสหกรณ์ฯ ได้รับการจำหน่ายในหลายจังหวัดและนครทั่วประเทศ นอกจากนี้ สหกรณ์ฯ ยังสร้างงานทำและรายได้ที่มั่นคงให้แก่สมาชิก 12 คน ครัวเรือนในสังกัดเกือบ 30 ครัวเรือน และแรงงานท้องถิ่นอีกหลายสิบคน
เรื่องราวของสหกรณ์กาแฟอารา-ไทและสหกรณ์เอวียนถวนเป็นเพียง 2 ในเกือบ 30 สหกรณ์และกลุ่มสหกรณ์ที่สตรีเป็นเจ้าของ ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารพิษในจังหวัดเซินลา ในท้องถิ่นยังมีสตรีประมาณ 600 คนที่กำลังทำธุรกิจสตาร์ทอัพและดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี 2023 จนถึงปัจจุบัน มีสหกรณ์และสถานประกอบการที่สตรีเป็นเจ้าของ 3 แห่งที่มีโครงการทำธุรกิจสตาร์ทอัพที่ยอดเยี่ยมซึ่งได้รับการคัดเลือกจากสหภาพสตรีเวียดนามให้เข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือกระดับชาติในหัวข้อ “การทำธุรกิจสตาร์ทอัพของสตรี – การส่งเสริมทรัพยากรท้องถิ่น” เพื่อให้ขบวนการทำธุรกิจสตาร์ทอัพในหมู่สมาชิกสมาคมสตรีแพร่หลายมากขึ้น คณะกรรมการด้านสตรีของแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามสาขาจังหวัดเซินลาจึงเน้นมาตรการเพื่อสนับสนุนสมาชิกและสตรีในการยกระดับทักษะความสามารถและประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตและการใช้ชีวิต ในช่วงปี 2022-2025 มุ่งมั่นสนับสนุนสตรีอย่างน้อย 400 คนในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ จัดตั้งกลุ่มสหกรณ์อย่างน้อย 20-25 กลุ่ม และสหกรณ์ 5-10 แห่งที่บริหารและดำเนินการโดยสตรี ควบคู่กับห่วงโซ่คุณค่าผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน
เรื่องราวเกี่ยวกับสหกรณ์ที่สตรีเป็นเจ้าของและโครงการทำธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีประสิทธิภาพมีส่วนช่วยในการใช้ประโยชน์จากศักยภาพและความได้เปรียบ ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในเขตเขา ชายแดน และเขตที่มีชนกลุ่มน้อยอาศัยในจังหวัดเซินลา และยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะฟันฝ่าความยากลำบากและก้าวรุดหน้าไปของสตรีในเขตเขา.