ข้อตกลงภาษีศุลกากรสหรัฐ-สหภาพยุโรป: ยุติความขัดแย้งข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก

(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และนาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเยิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศว่า สหรัฐและสหภาพยุโรปหรืออียูได้บรรลุข้อตกลงภาษีศุลกากร ซึ่งเป็นการยุติความขัดแย้งทางการค้าที่ยาวนานระหว่าง 2 พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ แม้จะทำให้เกิดความสงสัยในยุโรปเป็นอย่างมากก็ตาม
ข้อตกลงภาษีศุลกากรสหรัฐ-สหภาพยุโรป: ยุติความขัดแย้งข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก - ảnh 1ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์  จับมือกับนาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป หลังจากประกาศข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรป ที่เมืองเทิร์นเบอร์รี สกอตแลนด์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม (REUTERS/Evelyn Hockstein)

 

ข้อตกลงการค้าเพื่อยุติความขัดแย้งด้านภาษีระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรปหรืออียูได้บรรลุภายหลังการประชุมระหว่างนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐกับนาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเยิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปหรืออีซี เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ณ เทิร์นเบอร์รี ประเทศสกอตแลนด์

ยุติดช่วงเวลาที่ไร้เสถียรภาพ

ตามเนื้อหาของข้อตกลงที่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ และนาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเยิน ประกาศต่อสื่อมวลชน สหรัฐจะเก็บภาษีพื้นฐานร้อยละ 15 ต่อสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ของอียู อัตราภาษีนี้เท่ากับอัตราที่สหรัฐเก็บจากญี่ปุ่น และต่ำกว่าอัตราภาษีร้อยละ 30 ที่สหรัฐเคยขู่ว่าจะจัดเก็บจากอียู  สำหรับด้านสำคัญอื่นๆ ของอียู เช่น เครื่องบิน อุปกรณ์การบิน ผลิตภัณฑ์เคมีบางชนิด และวัตถุดิบที่จำเป็น  อัตราภาษียังไม่ได้รับการประกาศ และอาจได้รับการหารือในการเจรจาทางเทคนิคที่สหรัฐและอียูจะดำเนินการในเวลาที่จะถึง เพื่อแลกกับอัตราภาษีร้อยละ 15 อียูจะคงอัตราภาษีต่อสินค้าสหรัฐไว้ที่ 0% ตกลงซื้อพลังงาน มูลค่า 7 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นก๊าซธรรมชาติเหลวหรือ LNG  และให้คำมั่นว่า จะลงทุนในสหรัฐ รวมมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

การที่สหรัฐและอียูบรรลุข้อตกลงก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคมได้ช่วยบรรเทาความกังวลของทั้งสองฝ่าย ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ยกย่องข้อตกลงนี้ว่า เป็น “ข้อตกลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ด้านการค้า” และเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ในขณะที่นาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเยิน กล่าวว่า  การที่ทั้งสองฝ่ายช่วยกันรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีมูลค่าการค้าและบริการประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีจะนำมาซึ่งเสถียรภาพและเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง

“ข้อตกลงนี้นำมาซึ่งความยั่งยืนในช่วงที่ไม่แน่นอน สร้างเสถียรภาพและความสามารถในการคาดการณ์สำหรับพลเมืองและสถานประกอบการของขอขทั้งสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก การบรรลุข้อตกลงนี้ภายหลังการประชุมสุดยอดนาโต้ ซึ่งถือเป็นการยืนยันอีกครั้งถึงความสัมพันธ์หุ้นส่วนข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก”

ตลาดการเงินโลกส่วนใหญ่มีปฏิกิริยาในเชิงบวกต่อข้อตกลงระหว่างสหรัฐกับอียู แต่ภาคธุรกิจและนักลงทุนยุโรปกลับมีมุมมองในทางลบ ความล้มเหลวของอียูในการบรรลุเป้าหมายเบื้องต้นในการลดภาษีนำเข้าของสหรัฐลงเหลือ 0% บวกกับคำมั่นในการซื้อสินค้าและลงทุนในสหรัฐ มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้แสดงให้เห็นว่า อียูให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางการค้าอย่างเต็มรูปแบบกับสหรัฐ นาย วูล์ฟกัง นีเดอร์มาร์ค สมาชิกคณะผู้บริหารของสมาพันธ์อุตสาหกรรมเยอรมนีหรือ BDI กล่าวว่า ในระยะยาว ข้อตกลงนี้อาจถือเป็นจุดเริ่มต้นของการที่สถานประกอบการยุโรปจะต้องเผชิญแรงกดดันมากมาย ในขณะเดียวกัน นาย คาร์สเตน เบรซกี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารไอเอ็นจี ประเทศเนเธอร์แลนด์ ให้ข้อสังเกตว่า อียูเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการเจรจา  เพราะความเสียหายทางเศรษฐกิจของยุโรปจะสูงกว่าความเสียหายจากภาวะเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นกับสหรัฐ

ยังไม่เสร็จสิ้นลง

บรรดาผู้นำของประเทศสมาชิกอียูต่างแสดงความยินดีกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐกับอียูอย่างระมัดระวัง โดยส่วนใหญ่แสดงความเห็นว่า นี่เป็น “ข้อตกลงที่แย่น้อยที่สุดสำหรับอียูในสภาวการณ์ปัจจุบัน ไม่ใช่ข้อตกลงที่ดี” นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ฟรีดริช เมิร์ซ กล่าวว่า เขายังไม่พอใจต่อผลการเจรจากับสหรัฐ และยืนยันว่า ข้อตกลงสหรัฐ-อียูจะสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจที่เน้นการส่งออกอย่างเยอรมนี แต่ก็ยอมรับว่า ไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นข้อตกลงที่ดีกว่านี้ เนื่องจากอียูกำลังเผชิญกับความยากลำบากมากมายและไม่ได้อยู่ในสถานะการเจรจาที่ดี ส่วนผู้นำอิตาลี เนเธอร์แลนด์และสาธารณรัฐไอร์แลนด์ก็มีความเห็นเช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประเทศสมาชิกของอียูบางประเทศในยุโรปตะวันออกและยุโรปกลางก็ประเมินว่า นี่คือข้อตกลงในเชิงบวกในขณะนี้ เนื่องจากมีความกังวลว่า ความเสื่อมถอยในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐกับอียูจะนำไปสู่ผลกระทบในทางลบต่อความสัมพันธ์ทางการเมือง ในขณะที่ยุโรปกำลังมีความกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการที่สหรัฐจะค่อยๆ ลดพันธกรณีด้านความมั่นคงที่มีต่อทวีปนี้

ในขณะเดียวกัน นาย มาร์ก เฟอร์ราชชี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสแสดงความเห็นว่า ข้อตกลงที่บรรลุที่สกอตแลนด์ยังไม่ใช่การยุติปัญหา แต่ฝ่ายยุโรปจำเป็นต้องส่งเสริมการเจรจาทางเทคนิคต่อไป เพื่อนำสินค้ายุโรปถูกระบุในรายการยกเว้นภาษีของสหรัฐมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ข้อตกลงมีความสมดุลมากขึ้น

บรรดาผู้สังเกตการณ์แสดงความเห็นว่า บางมาตราในข้อตกลงยังไม่ชัดเจน และอาจเปิดโอกาสให้อียูสามารถเจรจาต่อรองได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะคำมั่นของอียูที่จะลงทุน 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐ ตามมความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ คาร์สเตน เบรซกี้ คณะกรรมาธิการยุโรปไม่มีอำนาจในการขอให้ประเทศสมาชิกหรือบริษัทเอกชนลงทุนในประเทศอื่น ดังนั้น อียูจะดำเนินการตามคำมั่นนี้อย่างไรจึงยังคงเป็นคำถามสำคัญ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด